ตร.ปปส. รวบ 3 ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง คดีขนยาบ้า 4 ล้านเม็ด เข้ากรุงแถลงข่าว ขณะที่ผู้ว่าฯตรัง ยอมรับ อำเภอนาโยงเป็นเส้นทางพักยาบ้า ก่อนลำเลียงสู่จังหวัดชายแดนใต้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรัง วันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ถึงความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3, บก.ปส.4 และเจ้าหน้าที่ ปปส. สนธิกำลัง กว่า100 นาย ร่วมกันจับกุม นายฤทธิชัย หรือ อู๊ด ทองผึ้ง อายุ 30 ปี ชาว อ.ปลายพญา จ.กระบี่ พร้อมพวกเป็นชาย 1 คน หญิง1 คน ไม่ทราบชื่อ พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) จำนวนประมาณ 4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์กระบะนิสสัน นาวาร่า สีบรอนซ์ ทะเบียน ถอ 2634 กทม. ดัดแปลงใช้สำหรับบรรทุกสิ่งของ ผักผลไม้ แต่นำยาบ้าซุกซ่อนเข้าจอดในป่าสวนยาง ห่างจากบ้านเลขที่ 214 หมู่ 5.ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง ประมาณ 50 เมตร สำหรับผู้ต้องหาจำนวน 3 รายประกอบด้วย นายไพรสณฑ์ เขี้ยวแก้ว อายุ 30ปี บ้านเลขที่ 48 หมู่ 5 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง นายฤทธิชัย ทองผึ้ง อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 185 หมู่ 1 ต.เขาแขน อ.ปลายพะยา จ.กระบี่ และ นางสมศรี แสงทิพย์ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 214 หมู่ 5 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งทาง ตร.ปปสได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปสอบสวนและแถลงข่าวที่กรุงเทพเช้าวันนี้ ต่อมาเช้าวันเดียวกัน นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ให้สัมภาณษ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ว่าหลังจากที่ ทางปปส.กับตำรวจร่วมกันจับ ซึ่งเป็นช่องทางลักลอบลำเลียงมาจากทางภาคเหนือ ภาคอีสาน ก่อนที่จะลงไปสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผู้ลักลอบมีความกลัวว่ามีการผ่านด่านการตรวจค้นเยอะ จึงต้องอาศัยจุดพักยา จึงเลือกจุดที่เป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง-พัทลุง ภายในเชิงเขาเทือกเขาบรรทัด หมู่ 5 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง แต่ก่อนหน้านี้ผู้กระทำความผิดคงมีการจัดวางสายว่าบริเวณด่านจุดตรวจมีเจ้าหน้าที่หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็มีการขนย้ายกันต่อไป นายศิริพัฒ กล่าวอีกว่า ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จะต้องทันเกมกัน และให้เครดิสกับทาง ปปส.ที่ได้เกาะติดขบวนการนี้มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลาทางจังหวัดก็ต้องลงไปช่วย เนื่องจากความชำนาญในพื้นที่ต่างกัน ตนเองได้กำชับกำนันผู้ใหญ่บ้านไปแล้ว เนื่องจากอำเภอนาโยงเป็นพื้นที่พักยาที่ทางอำเภอและตำรวจทราบดี ก่อนหน้านี้เคยจับได้ 8 หมื่นเม็ด ทางท้องที่อำเภอนาโยงรับทราบรับรู้และเป็นหูเป็นตากันอยู่ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องสดๆร้อนๆยังไม่ทันได้มีการขนย้ายแต่กลับมาโดนจับเสียก่อน “ส่วนที่จะเป็นสถานที่พักยารายใหญ่ในพื้นที่หรือไม่นั้นก็ต้องมีการขยายผลต่อไป ก็ไม่กล้าพูดว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ผมเชื่อว่ามีเค้าอยู่แล้วว่าบริเวณพื้นที่อำเภอนาโยงเป็นแหล่งพักยาแต่ว่ายังจับไม่ได้สักที แต่ครั้งนี้ชัดเจนจับได้คาหนังคาเขา จับได้คาที่ คาบ้าน ถ้าปล่อยให้มีการจับกันที่ด่านหรือที่อื่น ก็จะไม่ทราบว่าบ้านไหนของอำเภอนาโยง อย่างไรก็ตาม ยังมีพื้นที่อำเภอรัษฎา อีกแห่งหนึ่งที่สืบทราบว่าเป็นแหล่งพักยา” นายศิริพัฒ กล่าว.