งบกระตุ้น ศก.ภาครัฐเริ่มเบิกจ่ายในไตรมาส 3/ เอกชนสนใจลงทุนไอที-เกษตรต่อเนื่อง ขอนแก่น : นายอดิเรก หงส์พูนพิพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่ จ.ขอนแก่น ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จะเข้าสู่ขั้นตอนของการเบิกจ่าย ซึ่งจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมในพื้นที่ ทั้งในเรื่องของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน รวมไปถึงงานด้านบริการที่จะเป็นการกระจายเม็ดเงินลงพื้นที่จากโครงการต่างๆที่ได้นำเสนอขึ้นไป เริ่มจากงบประมาณในการพัฒนากลุ่มจังหวัดทั่วทั้งประเทศ 100,000 ล้านบาท ที่ขอนแก่นได้รับจัดสรรงบดังกล่าวอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเบิกจ่ายในการลงทุนตามโครงการขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เช่นกัน ทั้งนี้หากมองถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมและการลงทุนนั้น คงต้องมองย้อนกลับไปในปี 2559 ที่มีการชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ทรงตัวต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมามาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ และกำลังจะมีสภาพคล่องขึ้นในไตรมาสที่สองของปี “ ปีนี้ไตรมาสที่ 1ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนั้นดีขึ้น ถึงแม้ว่ากลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับผลกระทบในไตรมาสแรกของปี แต่ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ยังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องด้วยฐานลูกค้าและกำลังซื้อ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมในเรื่องของวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมด้านสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี อย่างไรก็ดีโดยส่วนตัวดูกระแสจากร้านอาหาร การลงทุนยังคงซบเซาใน 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่ง ภาครัฐต้องกระตุ้นให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมงานบริการและการท่องเที่ยว” นายอดิเรก กล่าว และว่า ยังคงมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจัดสรรให้กับกลุ่มจังหวัดซึ่งเป็นงบต่อเนื่องปี 60-61 รวม 9,000 ล้านบาท ซึ่งขอนแก่น ได้มีการเสนอแผนงานในการนำงบประมาณดังกล่าวมาดำเนินโครงการเรื่องภาคธุรกิจการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ซึ่งจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามในปี 2559 ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดหรือ จีพีพี ของขอนแก่น อยู่ที่ 90,000 ล้านบาท ซึ่งยังคงมั่นใจว่าในปี 2560นั้น จีพีพีของขอนแก่น จากการดำเนินงานร่วมกันของทุกภาคส่วนจะทำให้มีค่าจีพีพีที่โตขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10