กรมสุขภาพจิตคาดไทยมีผู้ป่วยกว่า 4 แสนคน แต่เข้าถึงการรักษาไม่ถึง 3 แสน ชี้ไม่ใช่โรคน่ากลัว รักษาได้ แต่ต้องรักษาให้ถูกต้อง-ต่อเนื่อง น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า 24พ.ค.ของทุกปี หลายประเทศทั่วโลกได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันโรคจิตเภท (Schizophrenia Awareness Day) เพื่อสร้างความตระหนักและลดอคติในสังคมที่มีต่อโรคนี้ ซึ่งวันนี้ กรมสุขภาพจิต โรงพยาบาลศรีธัญญา สมาคมสายใยครอบครัว ชมรมเพื่อนรัก และผู้มีประสบการณ์ตรงกับโรคจิตเภท ได้ร่วมกันจัดงาน “ชีวิตยังมีความหมาย แม้มีโรคจิตเภท (There is life after schizophrenia)” โรคนี้พบได้ร้อยละ 1 ของประชากร ทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้หลายสิบล้านคน มักพบในช่วงวัยรุ่นตอนปลายหรือวัยผู้ใหญ่ อายุระหว่าง 15-35 ปี สำหรับไทย โรคจิตเภท พบมากที่สุด จากข้อมูลสำนักบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต คาดการณ์ว่า มีผู้ป่วยโรคจิตทั่วประเทศ ประมาณ 421,298 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยจิตเภทที่เข้าถึงบริการ ประมาณ 2 ใน 3 หรือประมาณ 288,806 คน อาการสำคัญของโรคนี้ คือ มีความคิด การรับรู้ อารมณ์และพฤติกรรมที่ผิดปกติ มีความคิดไม่ต่อเนื่อง ประสาทหลอน หลงผิด หวาดระแวง ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ แยกตัวจากสังคม ไม่ค่อยดูแลตนเอง เหมือนหลุดไปจากความเป็นจริง ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า "โรคจิตเภท” เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาได้ ไม่ใช่โรคที่น่ากลัว สาเหตุมาจากปัจจัย 3 ด้านประกอบกัน คือ ความโน้มเอียงที่มีอยู่ก่อน เช่น พันธุกรรม พื้นฐานทางอารมณ์ ปัจจัยกระตุ้น เช่น การกระทบกระเทือนของสมอง ความเครียด ฮอร์โมน โรคบางอย่าง หรือสารเสพติด และปัจจัยที่ทำให้โรคดำเนินต่อไป คือ ไม่ได้รับการรักษา ส่งเสริมสุขภาวะที่เหมาะสม เนื่องจากไม่ตระหนักรู้ถึงโรคจิตเภทหรือเพราะอคติต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคนี้ หากรักษาไม่ถูกต้องหรือไม่ต่อเนื่อง จะก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่ผู้ป่วยและคนรอบข้างอย่างมาก ผู้ป่วยอาจเกิดความหวาดระแวงสูง กลัวคนอื่นมาทำร้าย นำไปสู่การก่อเหตุรุนแรง สังคมหวาดกลัว ตอกย้ำตราบาปให้ผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น สำหรับการดูแลรักษา มีทั้งรักษาทางกายด้วยการใช้ยาเพื่อลดอาการและป้องกันกลับเป็นซ้ำ ควบคู่กับรักษาทางจิตใจด้วยการพูดคุยให้ผู้ป่วย เข้าใจตัวเองและมีความพยายามที่จะปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ผิดปกติ พร้อมปรับกระบวนการคิดที่ส่งผลให้อาการของโรคแย่ลง รวมทั้ง ทำจิตบำบัด พฤติกรรมบำบัด ออกกำลังกาย และครอบครัวบำบัด การฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น ฝึกทักษะใช้ชีวิตในสังคม ทักษะประกอบอาชีพ ทักษะสื่อสาร สร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น ตลอดจนส่งเสริมให้ญาติมีความรู้ เจตคติ และทักษะการดูแลผู้ป่วย นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผอ.รพ.ศรีธัญญา กล่าวว่า ปี 59 รพ.ศรีธัญญา มีผู้ป่วยโรคจิตเภทรับบริการรักษาเป็นผู้ป่วยนอก 50,635 คน และผู้ป่วยใน2,759 คน และการจัดงานครั้งนี้ โรงพยาบาลศรีธัญญา กรมสุขภาพจิตและเครือข่ายหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะช่วยสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจโรคจิตเภทและผู้อยู่กับโรคจิตเภท ตลอดจนสังคมจะได้ยินเสียงผู้ป่วยจิตเภทว่าเขาต้องการชีวิตที่มีความหมายแบบใด อะไรที่จะเป็นประโยชน์ส่งเสริมพวกเขาสู่เป้าหมายนั้น เพื่อให้พวกเขาสามารถลุกขึ้นมารับผิดชอบการสร้างชีวิตที่มีความหมายเพื่อตัวเขาและสังคมโดยรวมต่อไปได้