เผยปีที่แล้วตาย 4 ให้ระวังเห็ดระโงกพิษ กินตายกันมากเพราะคล้ายมากกับชนิดที่กินได้ แนะวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้อาเจียนออกมาให้มากที่สุด ด้วยการล้วงคอ-กรอกไข่ขาว รีบส่งรพ.ทันที นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนของแต่ละปีจะพบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการกินเห็ดพิษที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นประจำ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากประชาชนนิยมเก็บเห็ดป่ามากิน แต่เนื่องจากเห็ดป่ามีทั้งเห็ดที่กินได้และเห็ดพิษ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในปี 59 มีรายงานผู้ป่วยจากการกินเห็ดพิษ 1,220 ราย เสียชีวิต 4 ราย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน (พ.ค.–ก.ย.) พบผู้ป่วยรวมกันมากถึง 1,010 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 83 ของผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนกลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ 55-64ปี และ45-54ปี ตามลำดับ และภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือภาคเหนือ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วยเกินครึ่ง (659 ราย) อยู่ใน 2 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ อุบลราชธานีและศรีสะเกษ สำหรับปี 60 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 พ.ค.60 พบผู้ป่วยแล้ว 112 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค ล่าสุดสัปดาห์นี้มีรายงานผู้ป่วยจากการกินเห็ดพิษใน2จังหวัด ได้แก่ แพร่ 9ราย และบึงกาฬ30ราย นพ.เจษฎากล่าวว่า เห็ดที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตส่วนใหญ่ คือ เห็ดระโงกพิษ บางแห่งเรียกว่าเห็ดระโงกหิน เห็ดระงาก หรือเห็ดไข่ตายซาก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเห็ดที่คล้ายคลึงกับเห็ดระโงกขาวหรือไข่ห่านที่กินได้ แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญคือ เห็ดระโงกพิษ จะมีก้านสูง กลางดอกหมวกจะนูนเล็กน้อย มีกลิ่นเอียนและค่อนข้างแรง นอกจากนี้ ยังมีเห็ดป่าชนิดที่มีพิษรุนแรงคือ เห็ดเมือกไครเหลือง โดยประชาชนมักสับสนกับเห็ดขิง ซึ่งชนิดที่เป็นพิษจะมีเมือกปกคลุมและมีสีดอกเข้มกว่า แต่ยากสังเกตด้วยตาเปล่า ส่วนเห็ดอีกชนิด คือ เห็ดหมวกจีน จะคล้ายกับเห็ดโคนขนาดเล็ก ทั้งนี้ ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ทดสอบความเป็นพิษของเห็ด เช่น จุ่มช้อนเงินลงในหม้อต้มเห็ด นําไปต้มกับข้าวสาร เป็นต้น วิธีเหล่านี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการอ้างอิงในการใช้ทดสอบพิษกับเห็ดกลุ่มนี้ได้ โดยเฉพาะเห็ดระโงกพิษที่มีสารที่ทนต่อความร้อน แม้จะปรุงให้สุกแล้ว เช่น ต้ม แกง ก็ไม่สามารถทำลายสารพิษนั้นได้ สำหรับอาการหลังกินเห็ดพิษแล้ว จะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือถ่ายอุจจาระเหลว ไม่ควรซื้อยากินเองหรือไปรักษากับหมอพื้นบ้าน จะต้องรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติกินเห็ดโดยละเอียด พร้อมนำตัวอย่างเห็ดพิษไปด้วย และควรให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล หรือนัดติดตามอาการทุกวันจนกว่าจะหายเป็นปกติ เนื่องจากเห็ดพิษชนิดร้ายแรงจะทำให้ผู้ป่วยคลื่นไส้ อาเจียนในช่วงวันแรก แต่หลังจากนั้นอาจมีอาการรุนแรงตามมาคือ การทำงานของตับและไตล้มเหลว อาจเสียชีวิตได้ สำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วยที่กินเห็ดพิษเบื้องต้นให้อาเจียนเอาเศษอาหารที่ตกค้างออกมาให้มากที่สุด โดยล้วงคอ หรือกรอกไข่ขาว จากนั้นรีบนำไปพบแพทย์ทันที