ไต เบาหวาน ความดันสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ โดยเฉพาะโรคไตให้เลี่ยง ทั้งอย่ากินพร้อมเครื่องดื่มมึนเมา เสี่ยงตายได้ แนะห้ามกินเกินวันละ 2 เม็ด-อย่ากินทุกวัน กินแล้วต้องลดข้าว-งดของหวาน
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ทุเรียนจัดอยู่ในอาหารกลุ่มผลไม้ที่ให้วิตามินแร่ธาตุ และเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตแต่สำหรับกลุ่มผู้ป่วยโรคไต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบควรระวังเป็นพิเศษ หากกินทุเรียนในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้อาการเสี่ยงทรุดได้ เพราะในทุเรียนมีแป้งและน้ำตาลสูง ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้องคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดควรกินทุเรียนแต่พอเหมาะ ไม่กินในปริมาณมากและไม่กินถี่ทุกวัน หากเป็นไปได้กินไม่เกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน และเนื่องจากทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ จึงควรเลี่ยง เพราะจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ทั้งนี้ ไม่ควรกินทุเรียนพร้อมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูง เสี่ยงเสียชีวิตจากการขาดน้ำได้ และจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการย่อยสลายน้ำตาลที่เนื้อเยื่อต่างๆ ที่กล้ามเนื้อและไขมันเพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นไขมันและไกลโคเจนเก็บไว้ที่ตับ ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ ผลที่เกิดตามมาคือการย่อยสลายทุเรียนและแอลกอฮอล์จะให้ความร้อนและเป็นกลไกที่ต้องใช้น้ำ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการขาดน้ำได้ และนอกจากนั้น จะมีผลทำให้เอนไซม์ตัวสำคัญลดลง ส่งผลให้ สารแอลดีไฮด์เกิดสะสมในร่างกาย และทำให้เกิดอาการหน้าแดงชาวิงเวียนและอาเจียน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ด้านพญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผอ.สำนักโภชนาการ กล่าวว่า ทุเรียน 1 เม็ด เท่ากับ 2 ส่วน ให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรีจึงควรกินไม่เกิน2 เม็ดต่อวันและไม่กินถี่ทุกวันเพราะอาจส่งผลให้ น้ำหนักเกิน ร้อนใน เจ็บคอ บางรายจึงนิยมกินทุเรียนกับมังคุดเพราะในมังคุดมีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนในและยังมีน้ำในปริมาณมาก การกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีมีใยอาหารสูง นอกจากนี้ ในมื้อที่กินทุเรียนควรควบคุมอาหารประเภทข้าว แป้ง ขนมหวานควบคู่ไปด้วย เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ควรลดข้าวให้น้อยลง รวมถึงไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนบ่อยเนื่องจากมีความหวานมัน