รมต.ยุติธรรม ยันรัฐบาล ไม่ทอดทิ้งพระสงฆ์และประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มอบ พศ.ดูแลเต็มที่ วันที่ 2 มิ.ย.60 ที่วัดประชาภิรมย์ ถ.ระแงะมรรคา อ.เมือง จ.นราธิวาส นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ยุติธรรม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เข้ากราบสักการะพระครูปัญญาภิรมย์ เจ้าอาวาสวัดประชาภิรมย์ พร้อมถวายเครื่องสังฆทานแด่พระภิกษุกสงฆ์ที่จำวัดพรรษา พระครูปัญญาภิรมย์ กล่าวว่า ในพื้นนราธิวาส มีวัด 70 กว่าวัด ในจังหวัดนราธิวาส ตั้งอยู่ใทั้งในเมืองและพื้นที่รอบนอก โดยในวัดหลายแห่งยังขาดพระภิกษุสงฆ์ที้จะปฏบิติศาสนกิจ ยอมรับว่าหลายวัดก็ประสบปัญหาความยากลำบากในการปฏิบัติกิจทางสงฆ์ เนื่องจากเป็นพื้นที่อันตรายซึ่งก็เข้าใจดี ซื่งในพื้นที่จะมีคนไทยพุทธประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ทางอาตมา"ดีใจที่คณะรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและคณะเดินทางมาเยี่ยมเยี่ยน นับว่าเป็นขวัญและกำลลังใจอย่างน้อยผู้ใหญ่ไม่ทอดทิ้งพระพุทธศาสนาในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งทางพระสงฆ์จะอยู่ดูแลพุทธศาสนาของเราให้คงอยู่ต่อไป" เจ้าอาวาสวัดประชาภิรมย์ กล่าว นายสุวพันธ์ กล่าว กับท พระครูปัญญาภิรมณ์ เจ้าอาวาสวัดประชาภิรมย์และพระภิ สุสงค์ ว่า ขอบคุณเจ้าที่ให้โอกาศผู้บริหารเข้ากราบนมัสการ ส่วนตัวตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ตั้งใจจะมากราบและสอบถามเพื่อดูแลทุกข์สุขของพระสงฆ์ ดังคำที่ท่านเจ้าอาวาสวัดประชาภิรมย์พูดว่า แม้ไม่ได้มากราบทุกวัด แต่การมากราบครั้งนี้อย่างน้อยก็มารับทราบปัญหาในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลรับทราบดีว่าวัดทั้งหลายในพื้นที่ชายแดนใต้ต้องใช้ความอดทนอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตและปฏิบัติศาสนกิจ "รัฐบาลมีนโยบายแน่วแน่เกี่ยสกับเรื่องพระพุทธศาสนา โดยมีการสั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้ามาดูแลเรื่องคำสอนต่างๆ และการดำเนินกิจการของพระฆ์ในพื้นจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งแม้จะเป็นพื้นที่พิเศษ แต่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลเพื่อให้คณะสงฆ์เดินต่อไปข้างหน้าได้" รมต.ยุติธรรม นายสุวพันธ์ กล่าวว่า ในการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ เพื่อมาดูงานของกระทรวงยุติธรรม และปรับปรุงงานเกี่ยวกับยุติธรรมในชุมชน ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ซึ่งประชาชนต้องได้ประโยชน์อย่างแท้ จากนี้ต่อไปจะได้ทำให้งานให้งานเดินหน้า ไม่ว่าข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งของสงฆ์และประชาชน ทางกระทรวงยุติธรรมยินดีน้อมรับ และทราบซึ้งในบุญคุณที่ช่วยรักษาแนวทางของพระพุทธศาสนาต่อไป