สำหรับ อนันดา หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา โดยการลงทุนของตระกูลศรีชวาลา ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทย ได้สร้างความแตกต่างทั้งดีไซน์ และกลยุทธ์การตลาด เพื่อดึงจุดเด่นมานำเสนอให้กับลูกค้า ในพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีการแข่งขันทางด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทค่อนข้างสูง ซึ่งในเรื่องนี้ นายพิเชษฐ วงศ์เขื่อนแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ตัวแทนตระกูลศรีชวาลา ได้สะท้อนให้ฟังอย่างน่าสนใจ ดึงจุดเด่นที่แตกต่างจากโรงแรมอื่น ทั้งนี้ นายพิเชษฐ วงศ์เขื่อนแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ตัวแทนตระกูลศรีชวาลา กล่าวว่า ในพื้นที่หัวหินเวลานี้มีการแข่งขันทางการตลาดในธุรกิจโรงแรมค่อนข้างดุเดือดเช่นเดียวกันกับแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะโรงแรมและรีสอร์ทระดับ 5 ดาวที่มีถึง 8 แห่ง ซึ่งในเชิงธุรกิจต่างแข่งขันกันทั้งทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการ เช่น การดูแลลูกค้า อาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก ห้องพัก เป็นต้น ซึ่ง อนันดา หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา ได้ดึงจุดเด่นที่มีความแตกต่างจากโรงแรมอื่นมาเป็นกลยุทธ์ ทั้งการเป็นรีสอร์ทระดับ 5 ดาว ที่มีความร่มรื่นทั่วบริเวณจากแนวต้นไม้ใหญ่และมีพื้นที่ตั้งรีสอร์ทที่อยู่ติดกับชายฝั่งที่สวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีการให้บริการที่ดีที่สุดและมอบประสบการณ์สุดพิเศษเป็นส่วนตัวแก่ผู้เข้าพักทุกคน พนักงานได้รับการฝึกฝนและพร้อมที่จะมอบการบริการที่ดีที่สุดเพื่อเสริมสร้างความเหนือระดับของรีสอร์ทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีพื้นที่ไว้รองรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ อย่างเช่น ห้องบอลรูมขนาด 900 ตารางเมตร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหัวหิน นอกจากนี้ยังมีการเดินทางที่สะดวกสามารถเดินทางมายังรีสอร์ทได้อย่างสะดวกสบายโดยเครื่องบินส่วนตัว เนื่องจากรีสอร์ทอยู่ห่างจากสนามบินหัวหินเพียง 8 นาทีเท่านั้น ออกแบบรีสอร์ทสไตล์ร่วมสมัย โดย นายพิเชษฐ ยังกล่าวต่อว่า อนันดา หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา มีการออกแบบรีสอร์ทเป็นสไตล์ร่วมสมัย สร้างอยู่บนพื้นที่กว่า 31 ไร่ ใช้งบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งภายในรีสอร์ทแบ่งออกเป็น 3 ส่วน สามารถเชื่อมต่อกันด้วยพื้นที่ส่วนกลาง มีห้องพักทั้งสิ้น 196 ห้อง แบ่งเป็นห้องพัก 173 ห้องและแบบวิลล่า 23 ห้อง อีกทั้งยังมีแบบสวีทและพูลวิลล่าขนาดตั้งแต่ 188-268 ตารางเมตรตกแต่งด้วยโทนสีสว่างอบอุ่นและสามารถเดินออกมายังสวนหรือสระว่ายน้ำส่วนตัวได้จากระเบียงห้องพักโดยตรง นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและบาร์ 4 แห่ง สปา สระว่ายน้ำ ฟิตเนส พื้นที่สำหรับครอบครัวและซับมารีน คิดส์ คลับ รวมถึงห้องบอลรูมขนาดใหญ่ 900 ตารางเมตร เป็นรีสอร์ทที่อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Check-in,Bliss-out ที่จะมอบความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบกับลูกค้าที่เข้าพักเพื่อส่งมอบประสบการณ์พักผ่อนที่แตกต่างด้วยการนำเสนอการบริการทุกระดับเฟิร์สคลาส โดยมีการบริการส่วนตัวเป็นหัวใจหลักเพื่อส่งมอบประสบการณ์พักผ่อนที่แตกต่าง ทั้งนี้ อนันดา หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัวของการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตกของไทยให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการพักผ่อนที่ดีที่จะทำให้ลูกค้าที่เข้าพักประทับใจในทุกๆ จุดหมายที่ทางรีสอร์ทได้ดำเนินการ อีกทั้งยังเป็นรีสอร์ทที่ตอบรับนโยบายเมืองหัวหินที่จะมุ่งสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมไมซ์แห่งใหม่ของไทย สามารถรองรับการจัดงานได้หลากหลายรูปแบบ มีเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งภาพและเสียง รวมถึงมีทีมงานคุณภาพที่จะทำให้งานประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ สามารถรองรับผู้ประกอบการไมซ์ และผู้เข้าร่วมประชุมขนาดใหญ่ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้ โดยมีเป้าหมายธุรกิจคือต้องการจะยกระดับรีสอร์ทให้เป็นจุดหมายของการจัดงานประชุมที่ใหญ่ที่สุดในหัวหิน ทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นายพิเชษฐ ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของการทำกิจกรรมการตลาด นั้น จะมีการออกสื่อ ออกอีเว้นท์ ออกบูธร่วมกับหน่วยงานราชการ เช่น งานไทยเที่ยวไทย นอกจากนี้ยังมีสื่อโฆษณาต่างๆ ที่ลงโปรโมท ขณะที่ทางด้านกลุ่มตลาดไมซ์ ได้เข้าไปติดต่อและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานราชการอย่าง สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ อีกทั้งได้ร่วมมือกับทางทราเวลเอเจนซี่ ทั้งทราเวลเอเจนซี่ออนไลน์และเอเจนซี่ต่างๆ โดยทำโฆษณาและแคมเปญร่วมกันเพื่อโปรโมทให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้ง อนันดา หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา ยังมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มครอบครัวคนไทย โดยในปัจจุบันมีลูกค้าคนไทย 80% ต่างชาติ 20% สำหรับชาวต่างชาติมาจากเอเชียมากกว่ายุโรป โดยได้ตั้งเป้าดึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติจากเอเชียได้แก่ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี และจีน ส่วนกลุ่มยุโรปจะเป็นกลุ่มสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์ เนื่องจากกลุ่มพวกนี้จะเป็นกลุ่มที่มีระยะพักยาวตั้งแต่ 3 -5 วันไปจนถึง 2 สัปดาห์ ซึ่ง นายพิเชษฐ กล่าวว่า ทางรีสอร์ทมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 70-80% ซึ่งจะเป็นลูกค้าที่เข้าพักทั่วไป ส่วนที่เหลือประมาณ 20-30% จะเป็นกลุ่มตลาดไมซ์ สำหรับอัตราการเข้าพัก ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือ วีคเอนท์จะเต็ม 100% ส่วนวีคเดย์อยู่ที่ 30-40% โดยคาดการณ์อัตราการเข้าพักตลอดทั้งปีไว้ที่ 75-80% อย่างไรก็ตามสำหรับอัตราการเข้าพักยังหวังว่าจะได้ถึงประมาณ 80% ในแต่ละปี และตั้งเป้าคืนทุนไว้ที่ 12 ปี