การเคหะแห่งชาติเตรียมเสนอแนวทางจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเอกชนพัฒนาที่อยู่อาศัย ระบุเป็นช่องทางที่พัฒนาโครงการได้รวดเร็วขึ้นตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์พัฒนาที่อยู่อาศัย 20 ปีของรัฐบาล ในขณะกระบวนการเดิมต้องขออนุมัติหลายขั้นตอนใช้เวลายาวนานกว่าจะคลอดโครงการได้ ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยถึงแนวทางขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัย 20 ปี ( พ.ศ.2560-พ.ศ.2579)ว่า การเคหะแห่งชาติกำลังพิจารณาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับเอกชนเพื่อดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนระดับรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งจะทำให้ตอบสนองต่อเป้าหมายการมีที่อยู่อาศัยของประชาชนได้เร็วขึ้น โดยการเคหะฯ จะร่วมถือหุ้นกับเอกชนในสัดส่วนที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด จากการศึกษาข้อกฎหมายของการเคหะแห่งชาติและที่เกี่ยวข้องแล้ว มีความเห็นว่าหากรูปแบบบริษัทร่วมทุนสามารถดำเนินการได้ โดยขออนุมัติในระดับคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติหรือระดับกระทรวงเท่านั้น จะเป็นกระบวนการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับกระบวนการเดิมที่ต้องเสนอไปตามลำดับชั้นที่ต้องอาศัยเวลานาน และมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนโครงการดังที่ผ่านมา และไม่ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการพิจารณาโครงการ ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ แล้วจึงเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ “ถ้าเป็นในรูปบริษัทร่วมทุนเราสามารถขับเคลื่อนโครงการได้เลย ผ่านคณะกรรมการของบริษัทร่วมทุนพิจารณาตัดสินใจแล้วเดินหน้าได้เลย โดยไม่ต้องรบกวนงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นช่องทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้เร็ว และสามารถสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย” ส่วนเงินทุนที่จะเข้าร่วมจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ดร.ธัชพล กล่าวว่า การเคหะฯ จะใช้ทรัพย์สินที่ดินของการเคหะฯ ที่มีอยู่แล้ว แปลงเป็นทุนร่วมกับเอกชน แล้วดำเนินการขอกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้ได้เงินลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้นด้วย “แนวทางดังกล่าวเป็นการเพิ่มมูลค่าที่ดินของการเคหะฯ ไปในตัว ขณะเดียวกันสามารถระดมเงินทุนพัฒนาโครงการได้เร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น ได้เม็ดเงินมากขึ้น เชื่อว่าการมีชื่อของการเคหะฯ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทร่วมทุน จะเป็นจุดเด่นในการพิจารณาปล่อยกู้จากสถาบันการเงินและจะช่วยให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติด้านที่อยู่อาศัยที่กำหนดไว้” ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าว