เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 4 มิ.ย.60 ที่ สน.ทองหล่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ รองผบก.อก.บช.น. พ.ต.อ.ขจรพงศ์ จิตต์ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.ทองหล่อ ร่วมกันจับกุม น.ส.ภัสดา กานต์ดาภา อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/66 ซ.พหลโยธิน 54/1 แยก 4 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 261/2560 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 2560 ข้อหา "ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหับคุ้มครองทรัพย์นั้น" และ หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.295/2556 ลงวันที่ 9 พ.ค. 2556 ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง" พร้อมของกลาง กระดาษจดข้อมูลส่วนตัวบุคคลพร้อมเบอร์โทรศัพท์ จำนวน 10 แผ่น คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง และไอแพด 1 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ย่านวัชรพล แขวงตลองถนน เขตสายไหม กทม. พ.ต.ท.จิรกฤต กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ค.60 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ว่ามีคนร้ายเป็นผู้หญิงโทรศัพท์มาหลอกให้แม่บ้านที่ทำงานภายในบ้านของตนให้เอาทรัพย์สินภายในตู้เซพไปให้ โดยอ้างกับแม่บ้านว่าเจ้าของบ้านให้นำทรัพย์สินไปให้ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวแม่บ้านมาสอบปากคำ โดยแม่บ้านให้การว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ช่วงเวลา 14.00 น. มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาที่เบอร์บ้านของเจ้านาย ซึ่งตนทำงานเป็นแม่บ้านจึงได้รับสาย ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง โดนอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งและอ้างอีกว่าขณะนี้ทางเจ้านายของตนกำลังทำเรื่องกู้ยืมเงิน แต่ต้องใช้ทรัพย์สินในเรื่องค้ำประกัน แต่เจ้านายติดประชุมจึงให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อมาแทน นอกจากนี้ในระหว่างการพูดคุยทางปลายสายยังให้ตนติดต่อไปสอบถามทางเจ้านายก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้านาย แต่ปรากฎว่าเป็นเสียงของผู้หญิงอ้างตัวว่าเป็นเลขาของเจ้านายโดยตอบมาว่า ขณะนี้เจ้านายติดประชุมอยู่จริงและพร้อมกับยืนยันว่าจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อไปให้เอาทรัพย์จริง นอกจากนี้ทางคนที่อ้างตัวเป็นเลขาก็ได้ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของตนเพื่อติดต่อกลับ แม่บ้าน กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนได้คุยกับคนที่อ้างตัวเป็นเลขาแล้ว ทางธนาคารที่อ้างตนครั้งแรกก็ติดต่อกลับมาสั่งให้ตนนำทรัพย์สินภายในตู้เซฟออกมาให้ โดยระหว่างการขึ้นไปเอาทรัพย์สิน ทางตนยังคุยโทรศัพท์กับคนร้ายตลอดเวลา แต่ไม่สามารถเปิดตู้เซฟได้ ทางคนร้ายก็สั่งให้งัดเซฟเอาออกมาให้ได้ ตนจึงลงไปเรียกคนขับรถและรปภ.มาช่วยกันงัด หลังจากนั้นก็สามารถงัดเอาทรัพย์สินออกมาได้ แล้วผู้แอบอ้างได้ให้นำทรัพย์สินไปที่บริเวณใกล้กับสะพานลอยบนถนนรามอินทรา กม.10 และย้ำอีกว่าเมื่อไปถึงจุดนัดหมายก็ให้วางทรัพย์ไว้แล้วรีบกลับบ้านไป เมื่อนำทรัพย์สินไปวางตามจุดนัดหมายก็มาทราบภายหลังเจ้าจากนายว่าตนถูกหลอกจึงเล่ารายละเอียดให้เจ้านายฟัง ก่อนที่จะเข้ามาแจ้งความ ทั้งนี้มูลค่าทรัพย์สินที่นำไปให้คนร้ายประมาณ 3 ล้าน แบ่งออกเป็น ทองคำ สร้อยคอมุก เพชร เงินสด นาฬิกา และเครื่องประดับมีค่า พ.ต.ท.จิรกฤต กล่าวอีกว่า หลังจากสอบคำพยานและผู้เสียหายแล้วได้สั่งการให้ชุดสืบใช้เทคนิคในการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือ น.ส.ภัสดา กานต์ดาภา จึงได้ให้ชุดสืบสวนนำกำลังเข้าไปจับกุมได้ภายในบ้านพักดังกล่าว นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายรายนี้เคยก่อเหตุลักษณะแบบนี้มาหลายท้องที่ อาทิเช่น พื้นที่สน.พญาไท , สน.บางเขน , สน.วังทองหลาง , สน.ราษฎร์บูรณะ , สน.บางขุนเทียน , สน.บางชัน , สน.ประเวศ ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท อีกทั้งผู้เสียหายส่วนมากจะเป็นบุคคลที่มีฐานะดีและเป็นที่รู้จักในวงสังคม จากการสอบสวน น.ส.ภัสดา ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ก่อเหตุหลอกลวงจริง โดยจะเลือกเหยื่อจากบุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคมที่มักจะมีชื่อปรากกฎตามหนังสือนิตยสารต่าง ๆ ก่อนที่ตนจะนำชื่อไปหาข้อมูลส่วนตัวตามอินเตอร์เน็ตและหาเบอร์โทรศัพท์บ้าน เพื่อติดต่อไปโดยจะเลือกเวลากลางวันเนื่องจากรู้ว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องออกไปทำงาน และที่บ้านมักจะมีคนรับใช้หรือแม่บ้าน อยู่ภายในบ้านอย่างแน่นอน นอกจากนี้จะใช้การพูดคุยหว่านล้อมเชิงจิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อประกอบกับเทคนิคในการใช้โทรศัพท์ พ.ต.ท.จิรกฤต กล่าวต่อว่า คนร้ายนี้มีการศึกษาปริญญาตรี สาขา จิตวิทยามา จึงทำให้มีวิธีการพูดคุยกับเหยื่อได้อย่างแนบเนียน และเชื่อว่าเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งบางครั้งก็ไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ ทั้งนี้หากประชาชนท่านใดทราบว่าตนเคยตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้ก็สามารถเข้าแจ้งความได้สถานีตำรวจในพื้นที่ได้ เพื่อไม่ให้คนร้ายไปก่อเหตุลักษณะนี้อีก