เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท. ปรากฏ นาคใหญ่ สว.สส.สภ.คูคต และ ร.ต.อ. อนิรุทธิ์ พูลสวัสดิ์ รอง สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้นำตัวนายมานพ หรือ นพ มุตะนะ อายุ 53 ปี นายทัศนัย หรือ ทัศ คินิมาน อายุ 57 ปี นายถาวร หรือ หมู วิไลพิทยานนท์ อายุ 56 ปี นายสุริยน หรือ เต่า แสนรัตนภัทร์ อายุ 40 ปี และนายพรชัย หรือชัย ศรีนกทอง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาแก๊งร่วมกันฉ้อโกงพร้อมด้วยของกลาง เช็คธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 30863124 สั่งจ่าย คุณ สมพร รี้พลมหา ยอดเงิน 230,000 บาท จำนวน 1 ใบ และแบตเตอรี่ ยี่ห้อ FB จำนวน 10 ลูก มาส่งมอบให้กับ พ.ต.ท.ศรศักดิ์ ทองมี รอง ผกก.(สส.)สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.สุนทร มาลาเวช สว.สส.สน.เพชรเกษม เพื่อทำการสอบสวนขยายผล สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 พ.ค.60 ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ออกอุบายสั่งซื้อแบตเตอรี่รถยนต์จำนวน100ลูก มูลค่า 2 แสนบาท จาก น.ส.สุมณฑา ใจแข็ง ให้นำไปส่งที่อาคารพาณิชย์ ถนน เสมาฟ้าคราม จ. ปทุมธานี เมื่อ น.ส.สุมณฑา จัดส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว นายถาวร และนายพรชัย ทำทีจะชำระเงินโดยการไปโอนเงิน ขณะเดินทางไปธนาคาร ก็ได้อาศัยช่วงรถติดชุลมุนหลบหนีไป ซึ่งเมื่อผู้เสียหายย้อนกลับไปที่อาคารที่ส่งสินค้า ปรากฎว่าคนร้ายอีกกลุ่ม ได้ขับรถกระบะมาขนสินค้าทั้งหมดหลบหนีไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้มาแจ้งความไว้ที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.60 ที่ผ่านมา คนร้ายกลุ่มเดิมได้ทำการสั่งสินค้าจากร้าน SUPER HEROที่ขายส่งแบตเตอรี่รถยนต์จำนวน 100 ลูก รวมเป็นยอดเงินจำนวน 230,000 บาท โดยให้นำไปส่งที่อาคารเลขที่ 42/202 โครงการมั่งมี แสนสุข ถนน กัลปพฤกษ์ แขวง บางแค เขต บางแค กทม.ซึ่งเจ้าร้านดังกล่าวรู้จักกับ นส. สุมณฑา ผู้เสียหายรายแรก จึงได้ประสานตำรวจ สภ.คูคตเพื่อจับกุมผู้ต้องหาแก๊งนี้ โดย พ.ต.ท.ปรากฎ นาคใหญ่ สว.สส.สภ.คูคต พร้อมกับพวกได้วางแผนทำทีเป็นคนขับรถส่งของนำแบตเตอรี่ไปส่งที่อาคารดังกล่าว เมื่อไปถึงก็พบว่านายทัศนัย หรือทัศ เป็นผู้มาไขกุญแจและเปิดประตูให้ โดยมี นายมานพ หรือนพ นายสุริยน หรือเต่า และนายถาวร หรือหมู มาเป็นคนมาช่วยยกของลงจากรถ หลังจากยกของลงเสร็จเรียบร้อย นายทัศนัยได้นั่งรถไปกับตำรวจอ้างว่าจะพาไปเอาเงินค่าแบตเตอรรี่ที่ออฟฟิตที่สามแยกบางบอน หลังจากที่ชุดสืบสวนพานายทัศนัยออกไปไม่ถึง1 นาที นายพรชัย หรือชัย ได้ขับรถกระบะมิตซูบิชิ ไตรทัน แบบตอนเดียวสีขาว ทะเบียน กจ3475 ปทุมธานี ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม ที่เฮียสมนำมาให้ติด ทะเบียนจริงคือ บษ 6738 สุพรรณบุรี เข้ามาจอดเทียบท่าและผู้ต้องหาที่เหลือก็ช่วยกันยกของขึ้นรถ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมไว้ได้ยกแก๊งและนำตัวไปสอบสวนที่สภ.คูคต จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การรับสารภาพว่าผู้ที่ว่าจ้างพวกตนทั้งหมดคือเฮียสม และเฮียโต้ง ซึ่งรู้จักกันในบ่อนการพนัน ย่านบางซื่อ ประมาณ 4 ปี โดยทุกคนมีหน้าที่ต้องทำคือ นายทัศนัย นายมานพ นายสุริยน มีหน้าที่ยกของได้ค่าแรงครั้งละ ประมาณ 3-5 พันบาท ส่วนนายถาวรมีหน้าที่ นำเอกสารพร้อมเช็ค ไปให้เจ้าของอาคารในแต่ละที่เพื่อทำการเช่าได้แค่แรงครั้งละ 3 พันบาท ส่วนนายพรชัย มีอาชีพขับรถรับจ้างขับรถกระบะมารับของตามอาคารต่างๆ นำไปส่งให้กับรถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีบรอนเงิน มีตู้ทึบ ที่มาจอดรอรับของอยู่ที่บริเวณสี่แยก นพวงค์ ซึ่งเป็นเขตติดต่อของ3 จังหวัดคือจังหวัดปทุมธานี นครปฐม และสุพรรณบุรี ได้ค่าแรงครั้งละ 3,000บาท ด้าน พ.ต.ท.สรศักดิ์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งหมด พบว่านายทัศนัย นั้นมีหมายจับคดีฉ้อโกง 4 คดี ที่ สน.บางนา และคดีการพนัน 2 คดี ที่สภ.เมืองปุทมธานี นายมานพ มีคดีโฉ้โกงลักทรัพย์ และ พรบ.เช็ค นายสุริยน มีคดีฉัอโกง 10คดี ในจังหวัดปทุมธานีและคดีบุกรุกอีก1คดี ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ นายถาวรมีคดีฉัอโกง 4 คดี ส่วนนายพรชัยยังไม่พบประวัติการกระทำความผิด ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังขยายผลผู้ต้องหาร่วมแก๊งที่ยังหลบหนี ประกอบด้วย น.ส. ลักยิ้ม พรมชาติ อายุ 48 ปี ซึ่งมีหมายจับคดีฉ้อโกงและพรบ.เช็ครวม7 คดี นางบัณพร อิศโร อายุ 44 ปี ที่มีหมายจับร่วมกับฉ้อโกง2 คดี และ น.ส. สุพรรณี จันทร์บัว เกิด อายุ 36 ปี มีคดีฉ้อโกง 26 คดี หมายจับ 38 หมาย และจะต้องติดตามตัวเฮียสมและเฮียโต้ง ที่เป็นหัวหน้าแก๊งมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด สำหรับผู้ต้องหาแก๊งนี่ได้ก่อคดีในท้องที่สน . เพชรเกษม มาแล้ว4 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 8 ก.พ.2560 ได้ตะปูตอกไม้ 450 กล่อง ลวดผูกเหล็ก 1 พันขด รวมมูลค่า 244,781 บาท วันที่ 9พ.ค. ได้เครื่องสูบน้ำยี่ห้อยันมาร์ 5 เครื่อง มูลค่า 230,000 บาท วันที่ 14 พ.ค. ได้ทีวีจอแบนขนาด 40 นิ้ว จำนวน 40เครื่อง มูลค่า 450,000 บาท และ วันที่ 2 มิ.ย. ได้ทีวีจอแบน 49นิ้ว จำนวน 30 เครื่องมูลค่า 401,314 บาท ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาจะเช่าอาคารต่างๆไว้ และอาศัยเอาไว้ก่อเหตุในช่วงที่กำลังรอทำสัญญาแต่ยังไม่ได้มีการจ่ายค่าเช่าแต่อย่างใด อยากจะฝากไปถึงผู้เสียหายที่เคยถูกเกิดเหตุลักษณะดังกล่าว มาดูตัวผู่ต้องหาแก๊งนี้ได้ที่ สน.เพชรเกษม ตลอด 24 ชม.