"ศรีวราห์"ลุยเอง ลงพื้นที่พังงา บินสำรวจอุทยานฯเกาะระ-พระทอง พบรุกป่าเกือบ954ไร่ เสียหายกว่า 100 ล้าน เผยศาลออกหมายจับแล้ว 1 ราย พบมีการสร้างรีสอร์ท-มีอดีตนักก ารเมืองท้องถิ่นเอี่ยว วันที่ 9 มิถุนายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ และ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ก ระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมกันลงพื้นที่ปฏิบัติการตามยุ ทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่ งชาติหมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จ.พังงา หลังพบว่ามีนายทุนบุกรุกพื้นที่ สร้างรีสอร์ท 3แห่ง ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีบางรีสอร์ท มีอดีตนักการเมืองท้องถิ่นเป็นเ จ้าของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ประมาณต้นเดือนพ.ค.60 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนใน พื้นที่ว่ามีกลุ่มนายทุนบุกรุ กพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หมู่เกาะระ - เกาะ พระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาท ราบ และได้รับคำสั่งให้บูรณาการกำลั ง เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้ องเข้าตรวจสอบ หากพบการกระทำความผิดให้มีการสื บสวน ปราบปรามจับกุมดำเนินคดีตามกฎหม ายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ปฏิบัติการโดยใช้ การบินสำรวจโดยอากาศยาน ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าและป่าสงวนแห่ งชาติ หมู่เกาะระ-เกาะพระทอง จากการบินตรวจสอบพื้นที่ พบว่ามีการกระทำความผิดจริงในจุ ดพิกัด จำนวน 16 จุด คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 954 ไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบป รามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรั พยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และตำรวจภูธร จ.พังงา ออกสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ กระทำความผิด เบื้องต้นทราบว่า เป็นการกระทำของกลุ่มนายทุนที่เ กี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่ น เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และได้มีการร้องทุกข์ต่อพนักงาน สอบสวน สภ.คุระบุรี ให้ดำเนินคดี และพนักงานสอบสวน สภ.คุระบุรี ได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่า นายโสภณ ชลธี อายุ 53 ปี ชาวคุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด บุกรุกพื้นที่แปลงที่13 จำนวน 282 ไร่ จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับต่อศา ลจังหวัดตะกั่วป่า และศาลได้อนุมัติหมายจับ เป็นที่เรียบร้อย ตามหมายจับเลขที่ 31/60 ลงวันที่ 9 มิ.ย.60 ในความผิดฐาน “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทาลายป่าหรือเข้ายึดถื อครอบครอง ป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครอง รวมตลอดถึงการ ก่อสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใดให้เป็นการทาล ายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทรายในบริเวณที่รัฐมนตรี ประกาศหวงห้าม ในราชกิจจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่ง ใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต,ยึดถื อครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่ อาศัยในที่ดิน ก่อสร้างแผ้วถาง เผาป่า ทาไม้เก็บหาของป่า หรือกระทาด้วยประการใด ๆ อันเป็น การเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่ งชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวม าดาเนินคดี ส่วนกระทำความผิดในที่ดินแปลงที่เหลือ สั่งให้เร่งพิสูจน์ทราบตัวบุคคผู้ กระทำความผิด จากเอกสารของทางราชการที่ได้มีก ารสารวจรายชื่อไว้แล้วในการยื่น ขอสิทธิทำกิน (สทก.) และจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไ ป.