พระราชดำริ “...มีความสุขร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น...” นับแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นเวลาอันยาวนาน 70 ปีตราบจนเสด็จสู่สวรรคาลัยทุกช่วงเวลาแห่งการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชปณิธานในการทรงทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่ โดยทรงถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลอันสมบูรณ์แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศการกระทำนั้นอย่างเปิดเผย ตลอดระยะเวลา70 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงสอนให้คนไทยได้เห็นผ่านพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจที่ทรงทุ่มเทอุทิศพระวรกาย พระสติปัญญา ด้วยพระวิริยอุตสาหะ ทรงงานหนักตลอด เพื่อให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นปกติสุข โดยมิได้ทรงเคยปรารภถึงประโยชน์หรือความสุขส่วนพระองค์เลยแม้แต่น้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงรักและเมตตาต่อปวงชนชาวไทย ทรงเห็นแก่ความสุขของราษฎรก่อนความสุขของพระองค์เองเสมอ ดังเช่นเมื่อทรงทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ เหล่านั้น โดยไม่ทรงเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และจะทรงคิดค้น ค้นคว้า ทดลอง พิสูจน์ในหลายๆ วิธี จนกว่าจะได้คำตอบของการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด แล้วจึงพระราชทานแนวทางนั้นมาแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงต่อไป สืบเนื่องเช่นนี้มาตลอด เพื่อให้เราคนไทยทั้งประเทศน้อมนำพระราชจริยวัตรพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อคนไทยทุกคนเพื่อขวัญและกำลังใจ มีพลังในการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทยขอน้อมนำพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงทำงานเพื่อหน้าที่ โดยทรงถือว่าเป็นความสำเร็จที่สมบูรณ์แล้วย่อมมีความสุขร่วมกัน และขออัญเชิญพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นพลังสร้างสรรค์และพัฒนาสังคมไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป “...ผู้หนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงจะได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธา เชื่อถือ และความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือพูดจริงทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2540 “...งานทุกอย่างมีบุคคลซึ่งมีชีวิตจิตใจ มีความนึกคิดเป็นผู้กระทำ ถ้าผู้ทำมีจิตใจไม่พร้อมจะทำงานเช่น ไม่ศรัทธาในงาน ไม่สนใจผูกพันกับงาน ผลงานที่ทำก็ย่อมบกพร่อง ไม่คงที่ ต่อเมื่อผู้ปฏิบัติมีศรัทธา เข้าใจซึ้งถึงประโยชน์ของงาน พร้อมใจและพอใจที่จะขวนขวายปฏิบัติงานโดยเต็มกำลังความสามารถ งานจึงจะดำเนินไปได้โดยราบรื่น และบรรลุผลตามที่มุ่งหมาย...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 10กรกฎาคม 2536 “...หลักการสำคัญประการหนึ่ง ที่จะส่งเสริมให้ปฏิบัติงานสำเร็จและ เจริญก้าวหน้าได้แท้จริง คือ การไม่ทำตัวทำความคิดให้คับแคบ หากให้มีเมตตาและไมตรี ยินดี ประสานสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ร่วมงานอย่างจริงใจ..." พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2530 เรื่องการมีเมตตาและประสานสัมพันธ์ระหว่างกัน “...การทำงานใด ๆ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ ง่าย ยาก ถ้าย่อหย่อนจากความเพียร แล้ว ยากที่จะให้สำเร็จเรียบร้อยทันเวลาได้ และเมื่อใดพลังของความเพียรนี้ เกิดขึ้น เมื่อนั้นการงานทั้งหลายก็สำเร็จได้โดย ง่ายดายและรวดเร็ว..." พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2522 “...การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมาก ไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2506 พระบรมราโชวาทข้างต้นคือ พระบรมราโชวาทที่แสดงให้เห็นถึง แนวพระราชดำริในการทรงงานเพื่อประโยชน์สุขและความสวัสดีของพสกนิกร ที่โชคดีได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9