ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2560 โชว์ผลกำไร 1,356 ล้าน ปันผลสมาชิก 5.80% เฉลี่ยคืน 4.00% ขณะที่ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ แนะน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรับใช้ในการดำเนินงานสหกรณ์ พร้อมยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน วันนี้ (10 มิ.ย.60) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560 ของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) พร้อมมอบโล่เกียรติคุณให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ให้การสนับสนุนและใช้บริการธุรกรรมกับ ชสอ. สหกรณ์ออมทรัพย์และนักสหกรณ์ดีเด่น ชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ภาคดีเด่น และผลงานนวัตกรรมการบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ดีเด่นระดับประเทศ โดยมีนายประยูร อินสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายมงคลัตถ์ พุกะนัดด์ ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย พลโท ดร.วีระ วงศ์สรรค์ ประธานกรรมการดำเนินการ ชสอ. และคณะกรรมการดำเนินการ ชสอ. ให้การต้อนรับ ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็คเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้นำสหกรณ์มาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดตั้งและดำเนินงานสหกรณ์ ในฐานะการเป็นองค์การของสมาชิก เพื่อสมาชิก โดยสมาชิก เพื่อการยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของสมาชิก ซึ่งยึดมั่นในหลักการและวิธีการสหกรณ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การสหกรณ์ไทยมีพัฒนาการมาโดยตลอด โดยเป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการยกระดับสหกรณ์ 7,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ ด้วย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาในระยะยาว โดยพลเอกฉัตรชัย สาระกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ร่วมดำเนินการในการจัดระดับชั้นสหกรณ์ พร้อมทั้งมีการวางหลักเกณฑ์ต่างๆ อันจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในสหกรณ์เพิ่มมากขึ้น ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับสหกรณ์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะสถาบันที่เกี่ยวข้องด้านการเงิน และมีคณะทำงานติดตามการทำงาน มีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อนำไปสู่การติดตามตรวจสอบได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนสหกรณ์ ทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เกี่ยวกับการวางหลักเกณฑ์ที่จะเข้ามาติดตามการทำงาน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นระบบสหกรณ์ในระยะยาว สำหรับการดำเนินงานของ ชสอ. ปีบัญชี 2559 ที่ผ่านมา ประสบผลสำเร็จและมีความก้าวหน้า โดย ชสอ. ได้มีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางของสหกรณ์ออมทรัพย์ไทย การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ส่งเสริมการออม และพัฒนาขบวนการสหกรณ์ให้เข้มแข็งอย่างดียิ่ง “อยากฝากให้ ชสอ. และสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปใช้ในการดำเนินงานด้านสหกรณ์อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ตลอดทั้งการนำระบบสหกรณ์มาปรับใช้ในการแก้ปัญหา เพื่อช่วยเหลือตนเอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บนพื้นฐานของอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ มีความซื่อสัตย์สุจริต พร้อมยึดหลักธรรมมาภิบาลในการบริหารจัดการสหกรณ์ และส่งเสริมการออม อันจะส่งผลให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งจะสอดรับกับภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศด้วยกลไกประชารัฐ โดยสหกรณ์สามารถเป็นโซ่กลาง ส่งผ่านการสนับสนุนของรัฐบาลไปยังประชาชนในพื้นที่ ทำให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเองได้ โดยสหกรณ์ ถือเป็นรากฐานในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ และเป็นองค์กรภาคประชาชนที่มีพลังในการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคง” นายธีรภัทร กล่าว พลโท ดร.วีระ วงศ์สรรค์ ประธานกรรมการดำเนินการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด ด้าน พลโท ดร.วีระ วงศ์สรรค์ ประธานกรรมการดำเนินการ ชสอ. กล่าวว่า การบริหารงานในรอบปีบัญชีที่ผ่านมา ชสอ. มีสหกรณ์สมาชิก 1,079 สหกรณ์ มีสินทรัพย์รวม 110,018 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนถึง 12,025 ล้านบาท คิดเป็น 12.27% ของปีก่อน สามารถบริหารสินทรัพย์ให้เกิดกำไรสุทธิ 1,356 ล้านบาท สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 5.80% และเงินเฉลี่ยคืนในอัตรา 4.00% ทั้งๆ ที่ลดดอกเบี้ยลงถึง 2 ครั้ง ซึ่ง ชสอ. ได้จัดทำระบบธรรมาภิบาลในการบริหารงานตามแนวทางของกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยผลการประเมินอยู่ในระดับดีเลิศ ส่งผลให้ ชสอ. สามารถรักษาระดับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือองค์กร จากบริษัททริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ A- แนวโน้มอันดับเครดิต : คงที่ (Stable) ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและการบริหารของ ชสอ. ได้อย่างชัดเจน ประธานกรรมการดำเนินการ ชสอ. กล่าวว่า นอกจากนี้ ชสอ. ได้ร่วมกับขบวนการสหกรณ์ไทย จัดทำแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยตระหนักถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านเสถียรภาพทางการเงินและความมั่นคงทางด้านการบริหารจัดการเชิงคุณภาพให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ ให้การสนับสนุนการดำเนินงานชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ การจัดกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคม จัดโครงการปฏิบัติธรรม 8 ภูมิภาค เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สนับสนุนการสร้างอาคารกิจกรรมสหกรณ์แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาบุคลากรของสหกรณ์ ด้วยการจัดโครงการอบรมสัมมนาและศึกษาดูงานในหลักสูตรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการพัฒนาผู้นำ หลักสูตรผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ระดับสูง รุ่นที่ 5 และหลักสูตรผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์มืออาชีพ รุ่นที่ 1 ให้การส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานนวัตกรรมการบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ ส่งเสริมให้สหกรณ์พัฒนาตามเกณฑ์คุณภาพบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ พร้อมทั้งจัดทำแนวทางการจัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรสหกรณ์ออมทรัพย์ ศูนย์การเรียนรู้สหกรณ์ออมทรัพย์ และศูนย์นวัตกรรมสหกรณ์ออมทรัพย์ โครงการสหกรณ์ออมทรัพย์คุณภาพมาตรฐาน ของ ชสอ. เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารงานสหกรณ์ออมทรัพย์ให้เป็นไปตามเกณฑ์กำกับดูแลความมั่นคงของสหกรณ์ออมทรัพย์โดยการรับรองจาก ชสอ. และการดำเนินโครงการจัดหาโปรแกรมสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อสหกรณ์สมาชิก เพื่อสร้างมาตรฐานด้านเทคโนโลยีและศูนย์กลางทางการเงินให้กับขบวนการสหกรณ์ อีกทั้งยังมีโครงการสวัสดิการต่างๆ มอบให้แก่สมาชิกอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้ง ชสอ. ที่ต้องการให้มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างสหกรณ์สมาชิกด้วยกันเอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมฯ ครั้งนี้ ได้จัดให้มีการเลือกตั้งประธานกรรมการดำเนินการ กรรมการดำเนินการ และผู้ตรวจสอบกิจการ ชสอ. ชุดใหม่ แทนชุดเก่าที่หมดวาระลง โดยผลปรากฏว่า พลโท ดร.วีระ วงศ์สรรค์ ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้แทนสหกรณ์สมาชิก นั่งประธานกรรมการดำเนินการ ชสอ. ขณะที่ผลการเลือกตั้งกรรมการดำเนินการ ชสอ. ได้แก่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผศ.ดร.รังสรรค์ ปิติปัญญา ดร.เสกสรรค์ ทองศรี ดร.ธานี ก่อบุญ ร.ต.อ.สุวิทย์ มากด้วง นายณฐกร แก้วดี นายต่อศักดิ์ ยุทธรัตน์ นายปรีชา ดุลยการัณย์ นายสุรัตน์ จันทร์วันเพ็ญ และนายเสนอ วิสุทธนะ ส่วนผลการเลือกตั้งผู้ตรวจสอบกิจการ ชสอ. ได้แก่ นายอุทัย ศรีเทพ ดร.วันทนา บ่อโพธิ์ และน.พ.วิษณุกร อ่อนประสงค์