เดินหน้าสู่ปลั๊กอินไฮบริดเต็มพิกัดสำหรับค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยทำการแบ่งแยกเป็นแบรนด์อีคิวสำหรับ อิเล็คทริค อินเทลลิเจนท์ บาย เมอร์เซเดส สำหรับรถยนต์ที่เป็นปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งแบรนด์นี้จะครอบคลุมไปถึงรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทุกคัน สำหรับรถยนต์ที่เป็นปลั๊กอินไฮบริดของค่ายนี้จะมีทั้งเอส-คลาส อี-คลาส ซี-คลาสและจีแอลอี โดยจะรู้ได้ทันทีจากอีตัวเล็กที่ต่อท้ายรุ่นรถ ซึ่งการจัดงานทดสอบครั้งนี้ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดมาให้ครบทุกรุ่น นอกจากการขับรถแล้วทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำคุณค่าของแบรนด์ในเรื่องของความรับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับการศึกษา จึงสนับสนุนในด้านต่างๆให้แก่โรงเรียนเยาววิทย์ในจังหวัดพังงา โดยมอบเงินสนับสนุนทางการศึกษาจำนวน 5 แสนบาท พร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียนที่นำมาแจกจ่ายอีกด้วย หลังจากนั้นจะได้ทดลองเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดที่ต่อยอดให้กับระบบไฮบริดที่ใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นแทนที่จะให้เครื่องยนต์เติมพลังไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ ก็ใช้เวลาที่รถจอดนิ่งอยู่กับบ้านหรือที่ทำงานมาชาร์จไฟด้วย โดยสามารถรองรับกับการชาร์จไฟบ้านได้โดยตรง อี350อีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมื่อสามารถรองรับการชาร์จไฟบ้านได้ก็ทำให้การเดินทางช่วงสั้นๆไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน โดยการชาร์จแต่ละครั้งจะสามารถเดินทางได้เราราว 33 กิโลเมตรสำหรับอี-คลาสใหม่ จึงสามารถเดินทางไปกลับรัศมี30กม.ได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เมื่ออยู่ในช่วงระยะทางนี้ได้ การใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการเดินทางย่อมหมายถึงความสะอาดลดการปล่อยมลพิษโดยเฉพาะการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรติดขัด โดยการเดินทางด้วยระบบไฟฟ้าที่ใช้จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นรุ่นล่าสุดที่ใช้ปลั๊กอินไฮบริด ในฐานะน้องใหม่ตัวล่าสุดสำหรับตระกูลปลั๊กอินไฮบริดของอีคลาสจึงต้องมีอะไรที่ดีกว่าปลั๊กอินไฮบริดรุ่นอื่นๆ นั่นก็คือการเลือกระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแทน 7 จังหวะเดิม ที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนทำได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น สำหรับรุ่นที่ได้ลองขับในครั้งนี้จะเป็นอี350เอ็กซ์คลูซีฟ ที่เลือกใช้ไฟหน้าแบบมัลติบีมแอลอีดี พร้อมระบบส่องสว่างอัจฉริยะ ระบบปรับโคมไฟหน้าตามจังหวะการเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ สำหรับขุมพลังที่ถูกประจำการจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 1991ซีซี ให้กำลังสูงสุด211แรงม้าที่ 5, 500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,200 ถึง 4,000 รอบต่อนาที อีกทั้งยังมีกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 88 แรงม้า พร้อมแรงบิด 440 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 6.2 วินาทีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ห้องโดยสารผ่านการออกแบบให้ดูกว้างขวางและเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติอัจฉริยะมากมาย นอกเหนือจากนี้ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังใช้นวัตกรรมที่ก้าวล้ำและอุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพสูงเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าอารมณ์ให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับปรัชญา Sensual Purity ของแบรนด์ เปิดฝาท้ายได้โดยไม่ต้องใช้มือ โดยรถยนต์ตระกูลอี-คลาสรุ่นมิได้เป็นเพียงรถยนต์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ซีดานสำหรับผู้บริหารเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือน “สถานที่ที่ 3” นอกเหนือไปจากบ้านและสถานที่ทำงาน ที่ผู้เป็นเจ้าของสามารถใช้เวลาเพลิดเพลินกับความหรูหราและร่วมสมัยได้ตลอดการเดินทาง เบาะที่นั่งตอนหลังได้รับการออกแบบให้สามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง nappa พร้อมกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ widescreen cockpit เบาะกว้าง เพิ่มลายไม้เข้าไป ในส่วนของระบบมัลติมีเดียนั้นจะมาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทางBurmester® มีระบบ COMAND Online พร้อม Controller, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียงเฉพาะภาษาอังกฤษ, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android รวมถึงการติดตั้งระบบแผนที่นำทาง พร้อมเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี อี350อีมาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ให้พื้นที่กว้างสำหรับผู้บริหาร ได้เกียร์9สปีดมาประจำการ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติและระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายพร้อมกับกล้องแสดงภาพ รอบทิศทาง รวมถึงระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าและระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาที่ติดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ในรถยนต์รุ่นนี้อีกด้วย ที่มา:คอลัมน์ ยุทธจักรยานยนต์ :อภิชัย ไกรนุกูล สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ปีที่ 64 ฉบับที่ 38