มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ไฟฉุกเฉิน ที่มักจะชอบเปิดกันในขณะที่ฝนตกหนัก หรือแม้กระทั่ง เปิดไฟฉุกเฉินขณะที่กำลังขับรถผ่าน4แยก โดยอาจเข้าใจผิดคิดว่าเปิดไฟจะช่วยให้ความปลอดภัย แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม และเป็นสิ่งที่อันตรายสุดๆ ถึงเวลาที่จะต้องสร้างความกระจ่างกันเสียที ข้าม 4 แยก / 3 แยก ตรงไป ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เริ่มกันที่ทางข้ามแยกกันก่อน ถ้าจะขับรถยนต์แล้วต้องการข้าม 4 แยก หรือ 3 แยกแนวตรงแล้วต้องการตรงไป การเปิดไฟฉุกเฉิน-กะพริบ 4 มุม เป็นวิธีที่ผิดและอันตราย สาเหตุที่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินในกรณีนี้ เพราะผู้ขับรถยนต์ที่มาด้านซ้าย-ขวา อาจเห็นเพียงไฟกะพริบด้านหน้ามุมเดียว เสมือนเป็นการเปิดไฟเลี้ยว โดยไม่ทราบเลยว่า เป็นการเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบพร้อมกัน 4 มุมซ้าย-ขวา หากสมมุติเหตุการณ์ขึ้นจะพบว่า ไฟเลี้ยวด้านหน้า แม้จะกะพริบพร้อมกันซ้าย-ขวา แต่ผู้ขับรถยนต์คันที่มาจากด้านข้างในแต่ละด้าน ก็ยังอาจเห็นไฟหะพริบเพียงมุมเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถยนต์มาจากด้านซ้าย ก็อาจจะไม่ชะลอความเร็วลงหรือไม่ให้ทาง ด้วยคิดว่ารถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเลี้ยวซ้าย โดยไม่เกี่ยวกับเขา แน่นอนว่าผลที่ตามมาอาจเป็นอันตรายกว่าที่คิดได้ ถ้าจะตรงไปก็ไม่ต้องเปิดไฟฉุกเฉิิน ฝนตกไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน การทำงานของไฟฉุกเฉินคือใช้สัญญาณไฟเลี้ยว ซ้าย และ ขวากระพริบพร้อมกัน ซึ่งจะสามารถบอกตำแหน่งรถยนต์ของคุณ ในยามที่ไม่ได้ขับเคลื่อน เพื่อบอกเพื่อนร่วมทางให้เข้าใจว่ารถยนต์ของคุณมีปัญหาทางเทคนิค และ ที่ต้องกระพริบทั้งสองข้างก็มีความหมายอีกคือ ส่งสัญญาณให้รถคันอื่นเลี่ยงรถยนต์ของคุณนั่นเอง อย่างไรก็ตามด้วยความที่หลายคนเข้าใจแบบผิดๆ ว่า ไฟฉุกเฉินช่วยบอกตำแหน่งรถยนต์ของคุณ ได้ ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยนำมันมาใช้ในยามฝนตก เพื่อบอกตำแหน่งแต่รู้หรือไม่ว่า มันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณอันตรายได้อย่างคาดไม่ถึง จริงอยู่ที่ การทำไฟกระพริบ จะกลายเป็นที่สังเกตมากขึ้น แต่กลับกันอย่างแรก คุณจะสูญเสียความสามารถในการเปิดไฟเลี้ยวไปโดยปริยาย เมื่อใช้งาน ซึ่งหมายความว่าหากฝนตกหนักคุณต้องการเปลี่ยนเลน แม้คุณจะเปิดไฟเลี้ยวแล้วเข้าเลน แต่ไฟคุณก็ยังเป็นไฟฉุกเฉินอยู่นั่นเอง ทำให้ ซึ่งเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจากการที่รถที่ตามมาด้านหลัง คาดเดาทิศทางของรถไม่ได้ อย่างที่สอง แม้ฟังดูแล้วไฟฉุกเฉินจะเป็นไอเดียที่ดี กระทั่งโรงเรียนสอนขับรถข้างทางบางแห่งหรืออาจหลายแห่งปลูกฝังให้นักเรียน เปิดไฟฉุกเฉินในยามฝนตกหนัก แต่ ความจริงแง่หนึ่ง เมื่อฝนตกหนักจริงๆ การที่คุณต้องละมือจากพวงมาลัย โดยมากตำแหน่งไฟฉุกเฉินจะอยู่สุดมือคนขับ ซึ่งทำให้คุณต้องเอี้ยวตัวหรือโหย่งตัวไปเปิด บ้าง ต้องละสายตาจากถนน ในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อทำการเปิดสัญญาณไฟ แล้วถ้านาที นั้นที่คุณกำลังละสายตา ปรากฏรถคันหน้าเบรกกะทันหัน ไม่ต้องจินตนาการก็น่าจะรู้ว่า คุณคงยากที่จะแคล้วคลาดอุบัติเหตุ ประการต่อมา คุณหรือคันอื่นๆอาจแยกไม่ออกหากมีรถที่ได้รับอุบัติเหตุอยู่ข้างหน้า ซึ่งหากวิ่งมาด้วยความเร็วคงที่ บางที่อาจเบรคไม่ทัน ฝนตกหนักเมื่อไหร่ควรเปิดไฟหน้าทันที เพื่อให้คันอื่นมองเห็นเราชัดเจน ในกรณีที่ฝนตกหนักมาก ใบปัดน้ำฝนจะไม่สามารถปัดน้ำออกได้ทัน และมองทางไม่ชัดหรือมองรถคันอื่นไม่ชัดในระยะห่างที่ปลอดภัย ให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย จนกระทั่งฝนซา หรือ หยุด กรณีที่ต้องจอดบนไหล่ทาง ให้จอดรถห่างจากถนนให้มากที่สุด และเปิดไฟฉุกเฉินไว้ด้วย เพื่อเตือนให้รถที่วิ่งมารู้ว่ามีรถจอดอยู่ ฝนที่ตกในช่วงแรก ถนนจะลื่นที่สุด ทำให้ การขับขี่ยากที่สุดเพราะโคลน และน้ำมันที่อยู่บนพื้นผิวจะรวมตัวกับน้ำฝน กลายเป็นชั้นผิวลื่นๆ บนพื้นถนน ดังนั้นคุณต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมากในช่วงที่ฝนตก ทั้งนี้ไฟฉุกเฉิน เป็นไฟที่ใช้ในการแสดงสัญญาณในกรณีเดียวเท่านั้น คือรถยนต์ที่คุณขับเกิดปัญหา จนไม่สามารถขับต่อได้ การเปิดไฟฉุกเฉิน ในยามฝนตกอาจจะเป็นเจตนาที่ดี แต่หากใช้ผิดอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต