เมื่อ บันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงในประเทศไทย พร้อมรับกับสถานการณ์ท่องเที่ยวของโลกในช่วงที่ไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศ ซึ่งในเรื่องนี้ นายเชิ้ท คว้อนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป ได้สะท้อนแผนการดำเนินงาน และการฟื้นฟูธุรกิจด้านที่พักในประเทศไว้อย่างน่าสนใจ หันมาทำตลาดในประเทศ นายเชิ้ท คว้อนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป กล่าวว่า จากเดิมที่บันยัน หัวหินได้ส่งเสริมการบริการที่พักอาศัยและสนามกอล์ฟในกลุ่มตลาดต่างประเทศที่มีสัดส่วนถึง80% แต่ด้วยเวลานี้ทั่วโลกต่างติดปัญหาในเรื่องของการเปิดพรมแดนข้ามประเทศของนักเดินทาง จึงทำให้ทางบันยัน หัวหิน ซึ่งมีจุดขายตรงที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตระดับลักชูรี่ ได้หันมาทำตลาดในประเทศ โดยเริ่มต้นเปลี่ยนบันยันวิลเลจซึ่งก่อนหน้านี้เป็นรีสอร์ท พูลวิลล่าส่วนตัว 17 หลัง และบ้านพักติดสระว่ายน้ำลากูนข้างสระ 69 หลัง มาเป็นการบริการที่พักระยะยาวให้เช่า 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเวลานี้ บันยันวิลเลจ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ชาวไทยที่มาใช้บริการมากว่า 60% นอกจากนี้ทางบันยัน หัวหิน ได้เปิดบริการ บันยัน กอล์ฟ อะคาเดมี่ ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ณ สนามกอล์ฟบันยัน ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟระดับแชมป์ 18 หลุมที่สร้างขึ้นโดยนายพีรพล นะมาตร์ จากบริษัทกอล์ฟ อีสท์ สถาปนิกสนามกอล์ฟชื่อดังของประเทศไทย โดยทาง บันยัน กอล์ฟ อะคาเดมี่ ได้เสนอตัวเลือกการสอนสำหรับผู้เล่นในช่วงเริ่มต้นตั้งแต่ Introduction to Golf สองชั่วโมงไปจนถึงแพ็คเกจ Play Golf in 3 Days ที่รวมการฝึกสอนผู้เชี่ยวชาญ การวิเคราะห์วิดีโอ video analysis และ driving range และอีกมากมาย ทั้งนี้ได้มีการเล่นมากกว่า 2,000 รอบในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดมาจากตลาดในประเทศ แสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศที่เริ่มหันมาให้ความสนใจในสุขภาพที่ดีมากขึ้น ทั้งนี้ นายเชิ้ท กล่าวว่า ทางบันยัน หัวหินได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยในอนาคตอาจจะมีการทำตลาดจับคู่ในกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งเป็นการจับคู่กับกลุ่มที่ชื่นชอบการเล่นกอล์ฟ แทนที่การจัด travel bubble ตามที่รัฐบาลกำหนด แต่ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับแผนการดำเนินงาน ตั้งแต่การเดินทางเข้าประเทศด้วยหนังสือเดินทางที่ระบุถึงความปลอดภัยจากโรคไวรัสโควิด-19 ปรับสมดุลชีวิตแบบลักชูรี่ อย่างไรก็ตาม นายเชิ้ท กล่าวว่า บันยันวิลเลจให้บริการวิลล่าสระว่ายน้ำส่วนตัว 17 หลังและวิลล่าริมสระน้ำลากูน 69 หลังแต่ละหลังมีพื้นที่ 120 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นแบบเปิดโล่งห้องนอน 2 ห้องห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครัน และพื้นที่สวนกลางแจ้งมากมาย รวมถึงระเบียง อินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง วิลล่าเหล่านี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตกลางแจ้ง อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และสามารถมั่นใจถึงความเป็นส่วนตัว ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีบริการทำความสะอาดรายวันและบริการซักรีด โดยเสียค่าบริการต่างหาก รวมทั้งยังมี การนวดผ่อนคลาย โดยนักบำบัดที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี ที่ สปาบันยันวิลเลจ พร้อมกับมื้ออาหารของครอบครัวสามารถสั่งซื้อจากพันธมิตร ซึ่งจะมีการจัดส่ง จากร้านอาหารที่ได้รับความอนุเคราะห์จากบัตรบันยันพริวิเลจที่มอบส่วนลดตั้งแต่ 10-50% โดยผู้เข้าพักจะได้รับสิทธิเป็นสมาชิกฟรีเมื่อทำการเช็คอิน พัฒนามิกซ์ยูสหลายพันล้าน อีกทั้ง นายเชิ้ท กล่าวต่อว่า ทางกลุ่มบริษัท บันยันไทยแลนด์ ได้วางแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ ยูส มูลค่าหลายพันล้านบาทบนพื้นที่ 600 ไร่ใกล้กับสนามกอล์ฟบันยันหัวหินในปี 2564 โดยเวลานี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาใหม่ที่จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งในโครงการจะประกอบไปด้วยศูนย์สุขภาพและสุขภาพ สิ่งอำนวยความสะดวกกีฬาทางน้ำ สถานศึกษากอล์ฟ สนามฟุตบอล โรงแรม รีสอร์ทและวิลล่า และคอนโดสำหรับจำหน่าย โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 5-7 ปีในการพัฒนาโครงการดังกล่าว สำหรับโครงการมิกซ์ ยูส ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่ 600 ไร่ในหัวหินซอย 118 หนึ่งในแปลงที่ยังไม่ได้พัฒนาพื้นที่ จากจำนวนทั้งหมดของบันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป 1,400 ไร่ โดยประมาณ 500 ไร่ได้รับการพัฒนาให้เป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุมของกลุ่มบันยันกอล์ฟคลับหัวหินซึ่งเปิดในปี 2551 และอีก 40 ไร่ได้รับการพัฒนาสำหรับบ้านพักตากอากาศสองห้องนอน 80 หลังสำหรับโรงแรมและรีสอร์ทที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่บันยัน เรสซิเด้นท์ วิลล่า หัวหิน โครงการที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2553 มูลค่า 3 พันล้านบาท บนพื้นที่ 94 ไร่ คิดเป็น 102 ยูนิตสำหรับขาย มีราคาเริ่มต้นที่ 15-80 ล้านบาท ในเวลานี้โครงการทั้งหมดขายไปได้ประมาณ 50% พร้อมกันนี้ทางกลุ่มบริษัท บันยันไทยแลนด์ได้เข้าร่วมกับ Richmont's International ซึ่งเป็น บริษัท ในเครือของอสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศของ Christie ซึ่งคาดว่าน่าจะปิดการขายได้ภายใน 3-4 ปี โดย Banyan Residences Villas Hua Hin เป็นโครงการที่สามในประเทศไทยที่ Richmont's International ได้เข้าร่วมหลังจาก Banyan Tree Residences Riverside Bangkok พัฒนาโดย Nirvana Daii และ The Bangkok Thonglor โดย Land & Houses