นายเออร์รอล คุก รองประธานฝ่าย Partner Services ของอโกด้า กล่าวว่า ถึงแม้ผู้คนทั่วโลกจะต้องหยุดเดินทางท่องเที่ยวมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน แต่ความต้องการที่จะเดินทางกลับไม่ลดลง ซึ่งเวลานี้การเดินทางในประเทศเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของผู้คนในหลายภูมิภาค ที่ต้องการออกสำรวจประเทศของตนเอง พักอาศัยในชุมชนท้องถิ่น โดยใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า 4 ชั่วโมง ดังนั้นแต่ละเมืองจึงต้องหาทางดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น เพื่อช่วยเติมเต็มช่องว่างของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ในทางตรงกันข้าม จุดหมายปลายทางที่โด่งดังในระดับภูมิภาคที่ใกล้ชายหาด ธรรมชาติ หรือพื้นที่ชนบทมีโอกาสได้รับประโยชน์จากเทรนด์การท่องเที่ยวในครั้งนี้ รวมทั้งนักท่องเที่ยวก็มีโอกาสได้ช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบด้วย โดยแคมเปญ GoLocal ของอโกด้า ได้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่มีความต้องการออกเดินทาง ได้จองที่พักในราคาพิเศษกว่าช่วงเวลาปกติ ไม่ว่าจะไปนอนอาบแดดริมทะเล สำรวจเส้นทางเดินป่า หรือจิบกาแฟในคาเฟ่ ซึ่งจากผลการสำรวจของแคมเปญ GoLocal ที่อโกด้าได้จัดทำขึ้น ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของหลายประเทศทั่วโลก พบว่า นักท่องเที่ยวไทย 78% อินโดนีเซีย 76% และสหรัฐอเมริกา 74% เป็น 3 ชาติแรกที่อยากออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุด โดย 3 จุดหมายปลายทางยอดนิยมแรกของนักท่องเที่ยวไทย คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต และหัวหิน ตามลำดับ อีกทั้งผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวมีความพร้อมและอยากออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง มีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 87% อินโดนีเซีย 78% และไต้หวัน 59% เป็น 3 ชาติแรกที่อยากออกเดินทางมากที่สุด โดยรวมแล้ว ภายในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ 65% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด อยากเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนอีก 35% อยากไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ทั้งนี้ในการท่องเที่ยวยุคใหม่ มีนักเดินทางไทย 41% สะดวกเดินทางในระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วโลกประมาณ 46% ตามมาด้วย 36% ที่เลือกเดินทาง 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า โดยเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดของโลก ในส่วนของวิธีเดินทาง นักท่องเที่ยวชาวไทย 50% เลือกการเดินทางด้วยเครื่องบิน และ 41% เลือกรถยนต์ส่วนตัว ทั้งนี้มากกว่าค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเกือบสองเท่าหรือประมาณ 28% ส่วนในระดับนานาชาติ นักท่องเที่ยวทั่วโลกมากกว่า 1 ใน 4 รู้สึกสะดวกใจที่จะเดินทางในระยะเวลา 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า ตัวเลขนี้รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวอเมริกา 14% และไต้หวัน 15% โดยนักท่องเที่ยวจากสองชาตินี้ยังอยู่ในอันดับ 1 และ 3 ของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พอใจจะเดินทางไม่เกิน 5-8 ชั่วโมง ขณะที่สหรัฐอเมริกา 25% ซาอุดีอาระเบีย 22% และไต้หวัน 19% เนื่องจากพื้นที่อันกว้างใหญ่ของออสเตรเลียจึงไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียมีแน้วโน้มมากที่สุดที่จะเดินทางมากกว่า 8 ชั่วโมง ส่วนวิธีการเดินทางนั้น นักท่องเที่ยวทั่วโลก 28% เลือกที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และ 57% เลือกที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน โดย นายเออร์รอล กล่าวว่า สิ่งที่นักท่องเที่ยวมองหามากที่สุดเมื่อออกเดินทาง มีทั้งความสงบและผ่อนคลาย อาหารและเครื่องดื่ม สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่นักท่องเที่ยวประมาณ 37% สนใจไปเที่ยวทะเล และ 30% สนใจไปเที่ยวป่าเขา อีก 16% สนใจไปเที่ยวเมืองใหญ่ สำหรับประเทศไทย ชายหาดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมเป็นอันดับหนึ่งประมาณ 38% ตามด้วยการท่องเที่ยวธรรมชาติ 36% อย่างไรก็ตามในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ 34% ไทย และไต้หวัน 30% เป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปท่องเที่ยวแบบสงบและผ่อนคลายมากที่สุด ขณะที่นักท่องเที่ยวไม่ถึง 1 ใน 10 อยากไปเที่ยวเพื่อช้อปปิ้ง ตรงข้ามกับ 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ยังคงอยากพักผ่อนหย่อนใจด้วยการช้อปปิ้งระหว่างไปเที่ยว ส่วนแนวโน้มการเลือกที่พัก มักจะนิยมโรงแรมสี่ดาวและโรงแรมห้าดาวเป็นที่พักอันดับ 1 ในใจนักท่องเที่ยวเมื่อจองที่พัก ตามมาด้วยรีสอร์ต ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกที่นักท่องเที่ยวต้องการมากที่สุดในขณะนี้คือ ระบบความบันเทิงภายในที่พัก ห้องครัวส่วนตัว และสระว่ายน้ำ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยการสำรวจ Agoda GoLocal เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ GoLocal ที่อโกด้าจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของอย่างปลอดภัย พร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้กับนักเดินทางทั่วโลกสูงสุดถึง 25% สำหรับการจองที่พักในประเทศของตนเอง (https://www.agoda.com/golocal/?site=id1811392)