วันที่ 13 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำกปปส. ออกมาระบุถึงการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งรองผู้บังคับการถึงสารวัตร วาระประจำปี 2559 อย่างต่อเนื่อง ว่าเรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลเพื่อ ดำเนินการตอบคำถามสังคมได้ ในเรื่องนี้ขอชี้แจงเป็น 3 ประเด็น ประเด็นที่ 1. การดำเนินการแต่งตั้งวาระประจำปี 2559 ที่ผ่านมานั้นได้ดำเนินการตามกฏหมาย ประกาศและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 44/2558 และ 7/2560 โดยการแต่งตั้งในครั้งนี้เป็นไปตามกรอบ กฎหมายและหลักเกณฑ์ เป็นอำนาจการแต่งตั้งของผู้บัญชา การตำรวจแห่งชาติแต่เพียงผู้เดียว แต่ทุกตำแหน่งผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยคณะกรรมการตั้งแต่ระดับกองบังคับการกองบัญชาการจนถึงคณะกรรมการระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนที่ผบ.ตร.จะลงนามในคำสั่งโดยการแต่งตั้งประจำปีนี้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่างและได้แก้ไขข้อผิดพลาดทางธุรการที่เกิดขึ้นในการแต่งตั้งวาระที่ผ่านมา ประเด็นที2. ตามที่มีการกล่าวหาว่าพบการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นั้น ผบ.ตร. จึงมีคำสั่งให้พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโทร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสั่งการให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการกล่าวหามีมูลหรือไม่และให้รายงานผลภายใน 15 วัน ทั้งนี้ในขั้นนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีความผิดหรือข้อเท็จจริงมีมูลตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบข้อเท็จจริง การให้พล.ต.ท.เทศา มาช่วยราชการและออกจากพื้นที่ ภ. 8 เพื่อความโปร่งใส ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประเด็นที่3. ขอให้ผู้ที่รับรู้ รู้เห็นความไม่ชอบมาพากลในการแต่งตั้ง หรือตกเป็นเหยื่อ เข้า ให้ข้อมูลต่อจเรตำรวจแห่งชาติเพื่อการสืบสวนตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง เรื่องนี้ผบ.ตร.ยอมไม่ได้ ขอความร่วมมือข้าราชการตำรวจหรือใครก็ตามที่มีข้อมูลให้รีบเข้าให้ข้อมูลทันที แจ้งเบาะแสทางนี้ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีขบวนการหลอกลวง ตกเบ็ดหาประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายคล้ายๆกับกลุ่มที่หาผลประโยชน์จากการสอบเข้าราชการหรือการฝากเข้าทำงานในสถานที่ต่างๆซึ่งที่ผ่านมาก็พบเห็นบ่อยครั้ง หากพบข้อมูลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดจะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสื่อมเสียกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้หากท้ายที่สุดแล้วพบว่าไม่มีมูลความจริงเป็นเพียงการกล่าวอ้าง ที่ทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรตรวจได้รับความเสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำต่อองค์กรตำรวจเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายวิทยา มีการพาดพิงถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่าพบพฤติกรรมคล้ายกับที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นั้นต้องรอการตรวจสอบก่อน ว่าเป็นการพูดพาดพิงหรือให้ข้อมูลลักษณะใด หากพบว่าจะต้องดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวบช.ภ.8 เราต้องดำเนินการในมาตรฐานเดียวกัน