14 มิ.ย.60 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ/พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง ถึง กรณีนายวิทยา แก้วภารดัย อดีตแกนนำกปปส. ออกมาเปิดเผยว่ามีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ระดับรองสว-ผู้บังคับการในพื้นที่ บช.ภ.8 และบชน. ที่ซื้อขายตำแหน่งสูงเป็น 2 เท่าว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทำไมนายวิทยา ถึงมีข้อมูลมาพาดพิงในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งในเรื่องนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับความเสียหาย โดยส่วนตัวมองว่าพล.ต.ท.ศานิตย์ ผบช.น. ถือเป็นบุคคลที่ตรงไปตรงมา เบื้องต้นมีการพูดคุยกันแล้ว และจะดำเนินการตรวจสอบ ยืนยันว่าในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่นอน และได้มอบหมายให้พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการกองกฎหมายและคดี ไปพิจารณา ว่าเข้าข่ายการหมิ่นประมาทหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ทั้งนี้การพิจารณาแต่งตั้ง มีหลักเกณฑ์ตามลำดับขั้นอยู่แล้วหลายขั้นตอน ตั้งแต่ระดับกองบัญชาการ ก่อนจะมาถึงการลงนามของตน ส่วนกรณีมีคำสั่งย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สำหรับการย้ายครั้งนี้ นอกจากจะมีข้อกล่าวหาที่นายวิทยาออกมาเปิดเผยและยังมีหนังสือร้องเรียนเข้ามาหลายฉบับ จึงต้องมีการย้ายเพื่อให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาแม่น จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าไปตรวจสอบได้โดยง่าย และลดข้อครหาจากประชาชน ขอยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เนื่องจากพล.ต.ท.เทศา มีความสนิทสนมกับนายสุเทพ ส่วนกรณีที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจน ขอยืนยันว่า จะต้องตรวจสอบ ตามพยานหลักฐาน และคำให้การต่างๆ เพื่อให้ความจริงปรากฎ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจ และปฎิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) เป็นผู้ทำบัญชีแต่งตั้งในครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ไม่มีหน้าที่ในการแต่งตั้งโยกย้าย ส่วนที่ข่าวออกมาระบุว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ใหญ่กว่านายตำรวจยศ พลตำรวจเอกนั้น ตนไม่เคยเห็น แต่อาจจะมีบางครั้งที่ ตนมอบหมายให้พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ไปสืบคดีในทางลับ แต่ยืนยัน ว่า สปพ. 191 สนับสนุนการทำงานของสถานีตำรวจอย่างจริงจัง พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวว่า หากนายวิทยาออกมาพูดโดย ไม่มีข้อเท็จจริง ถือเป็นหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวจ้องจะพิจารณาว่าจะดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่ และตนจะเป็นผู้พิจารณาข้อเท็จจริงในฐานะตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้รับความเสียหายหากมีการพาดพิงถึงบุคคลในองค์กร