ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ/พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ 10 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีแฮกเงินจากตู้เอทีเอ็มรวม 21 ตู้ รวม 12ล้านบาทของธนาคารออมสิน ในพื้นที่ 6จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบฯ เพชรบุรี และ กรุงเทพฯ ว่า เหตุดังกล่าว ตำรวจได้รับแจ้งจากธนาคารเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม หลังจากนั้นมีการสืบสวนสอบสวน พบว่าเหตุดังกล่าวเชื่อมโยงกับเหตุที่เกิดที่ไต้หวัน เมื่อกรกฎาคม 59 และเชื่อมโยงกับเหตุแแฮกเงินจากตู้ เอทีเอ็ม4ล้านบาท ที่ตะกั่วป่า จ. พังงา เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา และยังคล้ายกับเหตุที่เกิดในประเทศเพื่อนบ้านเมื่อปี 2557 โดยเหตุที่ไทย พบ กลุ่มคนร้าย เป็นชาวยุโรปตะวันออก มีผู้ร่วมขบวนการ ไม่ถึง 20คน โดย 5 คน เดินทางออกนอกประเทศแล้วแต่กลางเดือนที่ผ่านมา และเชื่อ มีบางส่วนยังกบดานอยู่ในประเทศไทย ซึ่งสั่งตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบจุดเกิดเหตุแล้ว เชื่อจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ และถือเป็นคดีที่ใช้ไวรัสควบคุมให้ตู้เปิดเอง เป็นครั้งแรกในไทย พล.ต.อ.เอกปัญญา กล่าวอีกว่า มีพยานหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดหน้าตู้ขณะที่คนร้าย เสียบบัตร ปลอม ที่ทำผลิตในประเทศยูเครน เข้าตู้ ที่ถูกควบคุมด้วยไวรัสมัลแวร์ ก่อนที่เงินจะไหลออมมา ซึ่งไวรัสดังกล่าวถูกส่งไปยังตู้ควบคุม3ตู้ ที่ภูเก็ตก่อนกระจายไปตู้ที่เหลือ ส่วนที่ธนาคารตรวจพบล่าช้า เนื่องจากหากเงินไหลออก ระบบเครื่องจะกลับไปทำงานตามปกติ ต้องใช้วิธีการตรวจสอบเงินเท่านั้น ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่าง 7กรกฎาคม ถึง 30 กรกฎาคม 59 แต่ตรวจพบเมื่อ 1 -10 สิงหาคม ซึ่งเร่งประสานข้อมูลกับตำรวจสากล ตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าว นออจากนี้หากประชาชนหากพบเบาะแส ชาวยุโรปตะวันออก ยืนกดเงินหน้าตู้ในเวลากลางคืน ใช้เวลานานๆ และใช้โทรศัพท์ไปด้วย ให้แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที ส่วนการดำเนินการตามมาตรการ สืบสวนความคืบหน้าวันศุกร์นี้ เวลา 14.00 น.จะเรียกประชุม ตำรวจทั้ง ตำรวจภูธรภาค 7/8/บช.น/สตม./พฐ/ ปอท.ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด รวมทั้ง ธนาคารออมสิน เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย.