"พิษณุ"คิดหาแหล่งเงินกู้ดอก3-3.5%ลดขาดทุนปีละ100ล้าน ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) และปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าของ สกสค.เปิดเผยว่า ขณะนี้องค์การค้าฯ มีหนี้ใหญ่อยู่ 4 ยอด คือ 1.หนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 981 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2538ถึงปัจจุบัน ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับธนาคารอัตรา 7-8% หากสามารถหาแหล่งเงินกู้ใหม่ได้ ในอัตราดอกเบี้ย 3-3.5% ต่อปี ก็จะลดรายจ่ายให้กับองค์การค้าฯ ได้ปีละเกือบ 50 ล้านบาท 2.หนี้ค้างจ่ายเงินเดือนพนักงานเจ้าหน้า เริ่มตั้งแต่ปี 2555ปัจจุบันเงินต้นเหลือ 550 ล้านบาท ดอกเบี้ย 630 ล้านบาท รวมประมาณ 1,180 ล้านบาท ดอกเบี้ยตามคำสั่งศาล 7.5% ต่อปี ก็ประมาณ 75 ล้านต่อปี ที่องค์การค้าฯ ต้องจ่าย ซึ่งถ้าหาแหล่งเงินกู้ได้ 3-3.5% ก็ลดค่าดอกเบี้ยลงได้ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปีเช่นกัน และกรณีนี้ผู้เกษียณไปแล้วจะมีเงินไปเลี้ยงชีวิตและครอบครัวได้ "หนี้เหล่านี้เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคนโง่ที่ไหน จะไม่ทำ เพราะหากสามารถทำได้ ก็จะลดหนี้ให้กับองค์การค้าฯ ในสองกรณีนี้ได้ถึงปีละเกือบ 100 ล้านบาท" ดร.พิษณุ กล่าวและว่า อยากถามว่าถ้าจะกู้เงินมาเพื่อมาลดหนี้สินตรงนี้ มันจะเสียหายตรงไหน ทำลายผลประโยชน์ใคร อย่างน้อยก็ลดการขาดทุนต่อปีไปได้ 100 ล้านบาท ดร.พิษณุ กล่าวต่อไปว่า หนี้ส่วนที่ 3.เป็นหนี้ค่ากระดาษ 608 ล้านบาท ยังไม่มีดอกเบี้ย แต่ถ้าไม่หามาจ่าย ใครจะให้กระดาษมาพิมพ์แบบเรียนในช่วงเดือน ก.ย.60นี้เป็นต้นไป และหนี้ค่าจ้างพิมพ์ประมาณ 550 ล้านบาท สำนักพิมพ์ส่งของครบแล้ว เราก็ต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายองค์การค้าฯ จะทำธุรกิจกับใครได้อีก ซึ่งการเป็นหนี้ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะฝีมือของตน และสุดท้าย คือหนี้จากการฟ้องของบริษัท ล็อกซ์เล่ย์ ที่เกิดจากนายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีต ผอ.องค์การค้าฯ ทำสัญญารับฝากขายหนังสือ แต่ขายได้แล้วไม่จ่ายเงินล็อกซ์เลย์ ซึ่งขณะนี้ก็ถูกฟ้องเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยประมาณ 1,400 ล้านบาท ถูกหรือผิดคนในองค์การค้าฯ น่าจะแยกแยะถูก และมาช่วยกันแก้ปัญหาจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม สำคัญคือใครจะให้องค์การค้าฯ กู้เงิน และจะทำอย่างไรเขาจึงจะเชื่อเครดิต และปล่อยกู้ให้องค์การค้าฯ