ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในทุกภาคส่วน ทางรัฐบาลจึงมีนโยบายเร่งผลักดัน และส่งเสริมให้เกิดการจัดงานประชุมและนิทรรศการในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สร้างการจ้างงาน และการกระจายรายได้ไปยังทุกภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ที่มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ให้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านการสร้างความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน เพื่อช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติ จากสาเหตุดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลของการจัดโครงการจัดงานทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติขึ้น ซึ่ง นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ซึ่งได้สะท้อนแผนการดำเนินงานได้อย่างสนใจ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการไมซ์ ซึ่ง นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวถึง เป้าหมายการจัดโครงการจัดงานทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ ว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการไมซ์ไทยดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจ สร้างความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนร่วมผลักดันให้การจัดประชุมและนิทรรศการเป็นวาระแห่งชาติที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนให้ความรู้กับผู้ประกอบการถึงแนวทางการจัดงานไมซ์อย่างปลอดภัย กระตุ้นให้เกิดการจัดงานทั่วประเทศส่งเสริมเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด โดยมีหน่วยงานที่ประกาศเจตนารมณ์ร่วมจัดงานทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ ครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10 งานต่อหนึ่งบริษัทภายในเดือนธันวาคม 2563 และใช้แพ็กเกจประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า มีบริษัททั้งสิ้น 5 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท โตโยต้า แก่นนคร จำกัด หอการค้าจังหวัดขอนแก่น โรงแรม เดอะ เปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ มิวสิเคิล รีสอร์ท, บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ โรงแรม บุรีศรีภู บูติกโฮเต็ล นอกจากนี้ภายในงานที่จัดขึ้น ทางทีเส็บได้จัดให้มีกิจกรรมไมซ์มาร์ท (MICE Mart) เป็นเวทีเจรจาซื้อขายธุรกิจการจัดงานไมซ์ระหว่างผู้ขายจำนวน 120 ราย จากผู้ประกอบการโรงแรม สายการบิน บริษัทจัดงาน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และผู้ซื้อจำนวนไม่ต่ำกว่า 300 รายจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมใจจัดงานในประเทศอย่างพร้อมเพรียง ด้วยการเปิดตัว 7 แพ็กเกจพิเศษ เพื่อสนับสนุนการจัดงานไมซ์ และดึงดูดนักเดินทางไมซ์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งตลาดในและต่างประเทศ จัดทำแพ็คเกจสำหรับทุกกลุ่มตลาด สำหรับ ตลาดในประเทศนั้น นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ได้จัดไว้ 3 แพ็กเกจ ได้แก่ 1.ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่าแพ็กเกจสำหรับการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ (Meetings & Incentives) 2.ประชุมเมืองไทย ร่วมใจขับเคลื่อนชาติ แพ็กเกจสำหรับการจัดประชุมภายในประเทศ (Conventions) 3.งานแสดงสินค้าในประเทศ นำเศรษฐกิจไทยไปไกลกว่า แพ็กเกจสำหรับการจัดงานแสดงสินค้าภายในประเทศ (Domestic Exhibitions) ทั้งนี้จุดเด่นของแพ็กเกจพิเศษตลาดในประเทศ คือ สนับสนุนและกระตุ้นให้องค์กรและหน่วยงานจัดกิจกรรมนอกสถานที่ตั้งในสถานที่จัดงาน และที่พักที่มีมาตรฐานและถูกกฎหมาย โดยส่งเสริมการจัดงานหรือกิจกรรมไมซ์ที่กระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจแก่จังหวัดและภูมิภาค หรืองานที่ผลักดันให้เกิดการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น การจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจภายในงาน รวมถึงการจัดงานที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์เด่นของพื้นที่ สอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่จัดงานนั้นๆ ด้าน ตลาดต่างประเทศ ทีเส็บสนับสนุนการจัดงานให้กับ 4 กลุ่มตลาด ประกอบด้วย 1.Ease Up แพ็กเกจสำหรับการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลนานาชาติ (Meetings & Incentives) 2.Convene Plus แพ็กเกจการจัดประชุมนานาชาติ (Conventions) 3.Re-Energizing แพ็กเกจการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) 4.Thailand Power Upแพ็กเกจสนับสนุนการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ (Mega Events & World Festivals) โดยแพ็คเกจดังกล่าวเป็นการสนับสนุนงานครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งการจัดงานในรูปแบบปกติ (Face to Face)การจัดงานรูปแบบปกติร่วมกับออนไลน์ (Hybrid Event) และการจัดงานออนไลน์ (Virtual Event) มุ่งทำการตลาดล่วงหน้า เน้นการรักษางานเดิมที่เคยจัดอยู่ให้ยังคงจัดในประเทศไทย (Existing Shows) รวมถึงการดึงงานใหม่ (New Shows) ให้กระจายไปยังเมืองไมซ์ซิตี้ และเมืองไมซ์ที่มีศักยภาพ พร้อมวางแผนสนับสนุนการนำเสนอบริการเพื่อชูอัตลักษณ์ไทย ตั้งแต่การต้อนรับจากสนามบิน รวมถึงการจัดโปรแกรมไมซ์ในท้องถิ่นและชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างความแตกต่าง ซึ่งเป็นมาตรการ เชิงรุกที่ประเทศไทยหวังดึงดูดลูกค้าต่างประเทศอย่างต่อเนื่องไปจนสถานการณ์เอื้ออำนวยแก่การเดินทางระหว่างประเทศในอนาคต