ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ส.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นางสาวอัญชลี จงอานนท์ หรือแมว อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ จ.367/2559 จ.369/2559 จ.371/2559 ลงวันที่ 14 ก.ค. 2559
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ได้ทำการตรวจสอบและติดตามการดำเนินการคดีเกี่ยวกับความผิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรือประมงกระทำผิดกฎหมาย จากนั้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด จำนวน 23 คน เป็นคนไทย 4 คน และต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา 17 คน พร้อมยึดเรือบรรทุกสินค้าประมงห้องเย็น (เรือทัวร์) 3 ลำได้ที่ทะเล อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อจำหน่าย พร้อมน้ำมัน 200,000 ลิตร ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นราธิวาส ดำเนินคดี ทั้งนี้ยังสามารถยึดเรือได้ที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช 1 ลำ และจ.สมุทรปราการ 2 ลำ จึงทำการสืบสวนสอบสวน และทราบว่านางสาวอัญชลี เป็นเจ้าของเรือประมงลำดังกล่าว จึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ในฐานะประธานอนุกรรมการ ศปมผ. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.5 ทำการสืบสวนติดตามจับกุม และได้สืบทราบว่า นางสาวอัญชลี ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ จึงสามารถจับกุมตัวได้ที่โรงแรมปางวิมาณเพลสรีโซเทล ถ.ลำพูน ต.วังเกต อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อเช้าวันที่ 24 ส.ค.
สอบสวนทราบว่า นางสาวอัญชลี ได้ว่าจ้างคนไทยและคนต่างด้าวทำงานบนเรือประมงดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อจำหน่ายให้กับเรือประมงโดยผิดกฎหมาย โดยเครือข่ายของนางสาวอัญชลี มีเรือประมงในลักษณะดังกล่าว 6 ลำ
นางสาวอัญชลี รับว่า ตนรับน้ำมันมาจากประเทศมาเลเซีย และจะส่งให้ลูกค้าที่ประเทศกัมพูชา โดยทำมา 10 ปี และตนรู้ดีว่าอยู่ในบัญชีอันดับ 4 ของประเทศเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือของต้องจำกัดหรือของต้องห้ามหรือที่ยังไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร, ร่วมกันดำเนินการค้าน้ำมันโดยตั้งเป็นสถานีบริการโดยไม่ขอจดทะเบียนตามกฎหมาย, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับ จำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซื้อของอันตรายรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้าม ข้อจำกัด, ให้ที่พักอาศัยแก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ได้ทำการตรวจสอบและติดตามการดำเนินการคดีเกี่ยวกับความผิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรือประมงกระทำผิดกฎหมาย จากนั้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด จำนวน 23 คน เป็นคนไทย 4 คน และต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา 17 คน พร้อมยึดเรือบรรทุกสินค้าประมงห้องเย็น (เรือทัวร์) 3 ลำได้ที่ทะเล อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อจำหน่าย พร้อมน้ำมัน 200,000 ลิตร ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นราธิวาส ดำเนินคดี ทั้งนี้ยังสามารถยึดเรือได้ที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช 1 ลำ และจ.สมุทรปราการ 2 ลำ จึงทำการสืบสวนสอบสวน และทราบว่านางสาวอัญชลี เป็นเจ้าของเรือประมงลำดังกล่าว จึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ในฐานะประธานอนุกรรมการ ศปมผ. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.5 ทำการสืบสวนติดตามจับกุม และได้สืบทราบว่า นางสาวอัญชลี ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ จึงสามารถจับกุมตัวได้ที่โรงแรมปางวิมาณเพลสรีโซเทล ถ.ลำพูน ต.วังเกต อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อเช้าวันที่ 24 ส.ค.
สอบสวนทราบว่า นางสาวอัญชลี ได้ว่าจ้างคนไทยและคนต่างด้าวทำงานบนเรือประมงดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อจำหน่ายให้กับเรือประมงโดยผิดกฎหมาย โดยเครือข่ายของนางสาวอัญชลี มีเรือประมงในลักษณะดังกล่าว 6 ลำ
นางสาวอัญชลี รับว่า ตนรับน้ำมันมาจากประเทศมาเลเซีย และจะส่งให้ลูกค้าที่ประเทศกัมพูชา โดยทำมา 10 ปี และตนรู้ดีว่าอยู่ในบัญชีอันดับ 4 ของประเทศเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือของต้องจำกัดหรือของต้องห้ามหรือที่ยังไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร, ร่วมกันดำเนินการค้าน้ำมันโดยตั้งเป็นสถานีบริการโดยไม่ขอจดทะเบียนตามกฎหมาย, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับ จำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซื้อของอันตรายรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้าม ข้อจำกัด, ให้ที่พักอาศัยแก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย