สืบสานพระราชดำริเลี้ยงไก่ไข่หลังบ้าน ...สู่การบริโภคเพื่อสุขภาพ “...ศึกษาทดลองเลี้ยงไก่ตามสภาพธรรมชาติโดยใช้เศษอาหาร ข้าวเปลือก เมล็ดยาง เมล็ดปาล์มน้ำมัน เศษวัชพืชเป็นอาหารไก่ ไม่จำเป็นต้องทำกรงทำแต่เพิง...” พระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานไว้เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2533 งานปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้สนองพระราชดำริโดยทำการศึกษา ทดลองวิจัยด้านการเลี้ยงสัตว์ปีก และสัตว์เคี้ยวเอื้อง รวมถึงการศึกษาการผลิตอาหารสัตว์รูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย ในครัวเรือน โดยได้คำนึงถึงความต้องการของเกษตรกรและความเหมาะสมของการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จนประสบผลสำเร็จ จากนั้นงานปศุสัตว์ ได้ทำการสาธิตการเลี้ยงสัตว์ปีกและสัตว์เคี้ยวเอื้อง ทั้งไก่ เป็ด แพะ และแกะ ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เพื่อแสดงกระบวนการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จริง พร้อมทั้งให้ความรู้แก่ประชาชนคณะต่างๆ ที่ไปศึกษาดูงาน โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีความสนใจในการเลี้ยงสัตว์เพื่อการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์คอยถ่ายทอดความรู้พร้อมทั้งสาธิตวิธีการเลี้ยง และการดูแลสุขภาพสัตว์ และ ที่สำคัญได้ส่งเสริมเกษตรกร ให้มีการเลี้ยงสัตว์ เช่น การเลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เป็นอาชีพเสริมสร้างความพอเพียงในครอบครัว ทุกวันนี้... เราต้องยอมรับว่าการน้อมนำแนวเศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทยนั้น ถือว่าเป็นการยึดหลักในการดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องเดือดร้อน และที่สำคัญในยุคนี้ เกษตรกรรู้จักการเลี้ยงสัตว์หลากหลายชนิด เพื่อการประกอบอาชีพ เช่น การเลี้ยงไก่เป็นอาชีพหลัก ไก่เป็นสัตว์ปีกที่มีความสำคัญมากโดยเฉพาะไก่ไข่ เนื่องจากปัจจุบันประชากรโลกเพิ่มมากขึ้นและมีความจำเป็นในการบริโภคไข่ไก่อย่างน้อยคนละ 1 ฟอง/วัน เพราะไข่เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์มากรองลงมาจากการดื่มนม เกษตรกรหลายพื้นที่จึงนิยมเลี้ยงไก่และเป็ดมากขึ้น งานปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้จัดทำโครงการเลี้ยงไก่ไข่หลังบ้านขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2559 เพื่อให้เกษตรกรที่ร่วมโครงการได้บริโภคไข่ไก่สดประจำวัน ส่วนไข่ที่เหลือจากการบริโภคสามารถจำหน่ายเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย ณ วันนี้มีเกษตรกรเป้าหมายจำนวน 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ ได้แก่บ้านบ้านพิกุลทอง บ้านค่าย บ้านคีรี และบ้านใหม่ และพื้นที่ที่มีพระราชดำริให้ดำเนินการในพื้นที่อำเภอตากใบ ก่อนที่เกษตรกรจะรับพันธุ์ไก่ไข่จะต้องได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเลี้ยงไก่ไข่จากเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ จากนั้นจึงให้การสนับสนุนพันธุ์ไก่ไข่รายละ 10 ตัว ซึ่งเป็นไก่รุ่นอายุ 18 สัปดาห์ (พร้อมที่จะ ให้ไข่) พร้อมอาหารไก่ไข่เบื้องต้นรายละ 3 กระสอบ เมื่อเกษตรกรรับไก่ไปแล้วควรใช้พื้นที่บริเวณหลังบ้านหรือข้างบ้านที่ดูแลได้สะดวก ซึ่งในแต่ละวันใช้อาหารสำเร็จรูปในการเลี้ยงไก่ปริมาณ 1.2 กิโลกรัม จำนวน 2 ครั้ง/วัน สามารถเก็บไข่ไก่ได้วันละประมา ณ 8 - 10 ฟอง โครงการเลี้ยงไก่ไข่หลังบ้านนี้จะมีข้อตกลงระหว่างหน่วยงานกับเกษตรกรที่ร่วมโครงการ คือ เมื่อเกษตรกรได้รับไก่ไข่ไปเลี้ยงแล้ว จะต้องใช้คืนด้วยเงินจำนวน 200 บาท/เดือน เป็นเวลา 11 เดือน ไก่ไข่ที่เกษตรกรรับไปเลี้ยง จะมีอายุการเลี้ยงได้นาน 18 เดือน จากนั้นไก่จะไข่น้อยลงและหยุดไข่จำต้องปลดระวาง แล้วเลี้ยงรุ่นใหม่ต่อไป หลังจากที่เกษตรกรได้ร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่หลังบ้านแล้วทำให้มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 800 – 1,000 บาท หรือ 9,600 – 12,000 บาท/ปี (หักค่าอาหารและใช้เงินคืนต่อเดือนแล้ว) และสมาชิกในครัวเรือนได้บริโภคไข่ไก่มากขึ้น เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่รู้สึกพอใจและมีความสุขในการเลี้ยงไก่และได้กินไข่ในแต่ละวัน ทำให้สมาชิก ในครอบครัวได้บริโภคทำให้เด็กเล็กและลูกหลานไม่ขาดสารอาหาร ส่วนไข่ที่เหลือสามารถจำหน่ายให้กับ เกษตรกรบ้านใกล้เรือนเคียง เป็นไปตามพระราชปณิธานเดินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รวมทั้งเป็นการสนองพระราชหฤทัยห่วงใยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ รัชกาลที่10 ที่พระราชทานพระราชดำรัสให้เดินตามรอยพระยุคลบาทที่พระราชทานพระราชดำริในการดำเนินชีวิตไว้คือหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อันส่งผลให้เกษตรกรพื้นที่ใกล้เคียงมีความสนใจและต้องการเลี้ยงไก่ไข่อีกด้วย สำหรับเกษตรกร มีความต้องการเลี้ยงไก่ไข่ต่อไป สามารถขอรับการสนับสนุนพันธุ์ไก่ไข่จากงานปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ และปฏิบัติตามกติกาเดิม ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 นี้ จัดทำโครงการเลี้ยงไก่ไข่หลังบ้านต่อเนื่อง มีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 20 ราย ซึ่งเป็นเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่พรุแฆแฆ ที่บ้านบาเลาะ และบ้านป่าทุ่ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อเรารู้เรื่องการเลี้ยงไก่ไข่และได้บริโภคไข่ไก่แล้ว ควรรู้ถึงคุณประโยชน์ของไข่ไก่ด้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง จะมีคอเลสเตอรอล ประมาณ 250 มิลลิกรัม ซึ่งข้อมูลจากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำว่าคนเราควรได้รับคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกายไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัม ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ร่างกายได้รับคอเลสเตอรอลจากการทานไข่มากเกินไป ควรรับประทานวันละไม่เกิน 1 ฟอง ที่สำคัญการรับประทานไข่จะช่วยในการมองเห็นและลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก ไข่ไม่ได้เพียงแต่ช่วยลดการเกิดจอประสาทตาเสื่อมเท่านั้น แต่สารต้านอนุมูลอิสระในไข่ยังช่วยป้องกันดวงตาจากการทำลายของรังสียูวี และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด โรคต้อกระจกเมื่อแก่ตัวลงได้อีกด้วย ช่วยสร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันนอกจากวิตามินหลากหลายชนิดแล้วไข่ยังมีธาตุเหล็ก ที่ทำหน้าที่สร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงให้เป็นไปอย่างปกติอีกด้วย ส่วนคนที่รับประทานไข่ในมื้อเช้าสามารถลดน้ำหนัก และมีแรงมากกว่าคนที่รับประทานขนมปังเป็นอาหารเช้า ไข่ยังช่วยบำรุงผมและเล็บ สารอาหารและวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะซัลเฟอร์สามารถช่วยบำรุงดูแลสุขภาพผมและเล็บได้ ใครที่มีปัญหาเรื่องเล็บเปราะหักได้ง่ายควรหันมารับประทานไข่ และ ยังช่วยป้องกันสารอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ สารเซเรเนียมในไข่เป็นแร่ธาตุสำคัญซึ่งทำหน้าที่ลดการถูกทำลายของเซลล์จากสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งและเนื้องอก โดยเฉพาะโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก สารโคลีนในไข่ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกายที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน อัลไซเมอร์ หรือแม้แต่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ไข่เป็นอาหารเพียงชนิดเดียวที่เป็นแหล่งของวิตามินดีตามธรรมชาติซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ในร่างกายและป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง สารโคลีนในไข่เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์และมีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์ สารอาหารดังกล่าวจะเข้าไปช่วยพัฒนาสมองและป้องกันการเกิดความผิดปกติในท่อประสาท อีกทั้งสารอาหารในไข่สามารถช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวายและโรคหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย เห็นความสำคัญของไข่กันแล้วหันมาเลี้ยงไก่ไข่ ไว้รับประทานเอง ส่งเสริมให้ลูกหลานบริโภคไข่มากขึ้น โดยคนแต่ละวัย สามารถบริโภคไข่ดังนี้ เด็กอายุ 1 ปีจนถึงวัยเรียนสามารถบริโภคไข่ได้วันละ 1 ฟอง ผู้ใหญ่ที่มีภาวะร่างกายปกติสามารถบริโภคไข่ได้วันละ 3-4 ฟอง ต่อสัปดาห์ คนวัยทำงานสุขภาพดี สามารถบริโภคไข่ได้วันละ 1 ฟองทุกวัน ไม่เพิ่มคอเลสเตอรอลและไม่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจหรือโรคที่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง สามารถบริโภคไข่เพียง 1 ฟองต่อสัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ การบริโภคไข่ที่เหมาะสมควรควบคู่กับการออกกำลังกาย โครงการเลี้ยงไก่ไข่หลังบ้านนี้ส่วนหนึ่งได้สนับสนุนการลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารโดยแนะนำให้ใช้เศษอาหารและเศษวัชพืชที่มีในครัวเรือนมาเลี้ยงสัตว์ได้ ที่สำคัญสามารถทำให้มีรายได้ในครัวเรือน เพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้งานปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังมีการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่พื้นเมือง เป็ด แพะ แกะ และกวาง ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งได้ออกเยี่ยมเยียน ส่งเสริมและให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการเลี้ยงและดูแลรักษาสุขภาพสัตว์อย่างถูกหลักวิชาการ รู้จักใช้พื้นที่ว่างบริเวณบ้าน และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ นำสู่ความพอเพียง และการรู้จักบริโภคไข่ไก่อย่างถูกวิธีนำสู่สุขภาพที่ดีต่อไป นายนายแทน รังเสาร์ หัวหน้างานปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ/ข้อมูล