ศาลอุทธรณ์พิพากษากลัยยกฟ้อง มือปืน ป๊อบคอร์น ชี้ ภาพถ่ายไม่อาจยืนยันตัวจำเลยเป็นคนเดียวกันยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย ลูกสาวอะแกวร่ำไห้หวังความเป็นธรรมสู้คดียันฎีกา ส่วนทนายเตรียมยื่นประกันจำเลย เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 มิ.ย.60 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์คดี หมายเลขดำ อ.1626/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวิวัฒน์ หรือท็อป ยอดประสิทธิ์ อายุ 25 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่า , พยายามฆ่าผู้อื่น , มีอาวุธปื นและเครื่องกระสุนปืนไว้ ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุ นปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปื นออกนอกเคหะสถานภายในพื้นที่ที่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288 , 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่ องกระสุนปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา ม.4, 7, 8 ,72 และ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ม.5, 6, 11, ,18 โจทก์ เมื่อวัที่ 11มิถุนายน 57 บรรยา ยความผิดสรุปว่า วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 57 เวลากลา งวัน จำเลยกับพวก ได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิ ดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้ นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่ อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์ การค้าไอทีสแควร์ ซึ่งน.ส.สมบุญ สักทอง , นายนครินทร์ อุตสาหะ และนายพยนต์ คงปรางค์ ผู้เสียหายที่ 1-4 ได้รับอั นตรายสาหัส และนายอะแกว แซ่ลิ้ว เสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธต่ อสู้คดี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวั นที่ 3 มีนาคม 59 เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์รั บฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่ าจำเลยเป็นคนเดียวกับคนร้ายที่ สวมชุดดำ ที่มือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขี ยวเหลือง โดยการกระทำของจำเลยเป็นความผิ ดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่ นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288 มีอาวุธปืนร้ายแรงที่ นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุ ญาตได้ ฐานมีอาวุธปืนและพกพาไปในที่ สาธารณะที่เป็นความผิดตามพ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 4, 7, 8 และ 72 และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 5, 6, 11 และ 18 และประกาศเรื่องห้ ามนำอาวุธออกนอกเคหะสถาน ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมให้ ลงโทษทุกกรรม พิพากษาให้จำคุ กตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักสุด และฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปื น จำคุก 6 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็ นประโยชน์ มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำ คุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานมีอาวุธปื นและพกพาอาวุธปืน จำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน โดยวันนี้มีญาติและเพื่ อนของจำเลย รวมทั้งญาติผู้สูญเสียมาร่วมฟั งจำพิพากษาด้วย ทั้งนี้สำหรับนายวิวัฒน์ ตั้งแต่ ถูกฟ้อง ไม่เคยอนุญาตให้ประกันตัว ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า มีประเด็นว่าจำเลยเป็นผู้ กระทำความผิดหรือไม่ คดีนี้โจทก์มีพนักงานสอบสวน ได้สืบสวนทราบว่ามีคนร้ายเกี่ยวข้องกับการยิงรวม 21คน ในจำนวนนี้มีชายชุดดำ คือนายวิวัฒน์ จำเลยคดีนี้รวมอยู่ด้วย ดังที่ปรากฏในภาพนิ่งที่เห็ นชายชุดดำ ในสถานที่และเวลาเดียวกับที่เกิ ดเหตุหลายรูป แม้โจทก์จะมีเทปภาพเคลื่อนไหวและภาพถ่าย จากหนังสือพิมพ์ แต่โจทก์ไม่นำสืบถึงความเกี่ยวข้องหรือนำตัวผู้ถ่ายหรื อนำประจักษ์พยานมาเบิกความประกอบให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องภาพมาเปรียบเทียบ กับจำเลย หลักฐานดังกล่าว จึงไม่อาจยืนยันได้ว่า ภาพจากกล้องวงจรปิด และตัวจำเลยนั้น เป็นคนๆ เดียวกัน มีเพียงคำให้ การของจำเลยที่ให้การรับสารภาพ ซึ่งมีพิรุธเคลือบแคลงสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ จำเลย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลย แต่ให้คุมขังไว้ระหว่างฎีกา ภายหลัง น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทีมทนายความจำเลย กล่าวว่าหลังจากนี้เตรียมที่ จะยื่นขอประกันตัวนายวิวัฒน์ จำเลยหลังจากศาลอุทธรณ์ยกฟ้ องแต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้ นคาดว่าการประกันตัวจะต้องใช้ หลักทรัพย์3ล้าน7แสนบาทซึ่งแม้ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักทรัพย์แต่ เชื่อว่ายังมีคนที่พร้อมจะช่วย โดยหลังจากศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดี นี้จำเลยเองรู้สึกดีใจมากที่ ศาลพิพากษายกฟ้อง ส่วนหากอัยการโจทก์ยื่นฎีกาเข้ ามา ทางทนายความก็เตรียมที่จะแก้ฎี กา แต่หากไม่มีการยื่นฎี กาตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดคดี ก็จะถือเป็นที่สิ้นสุดที่ศาลอุ ทธรณ์ยกฟ้อง เมื่อถามว่าผลคำพิพากษาเกิ นความคาดหมายหรือไม่ น.ส.พวงทิพย์กล่าวว่าเราทราบอยู่ แล้วว่าข้อเท็จจริงคดีนี้เป็ นอย่างไรและมีพยานหลักฐานอะไรบ้ าง ซึ่งอาวุธปืนที่ทำให้มีคนบาดเจ็ บเป็นปืนกระบอกอื่นไม่ใช่ ของจำเลน.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว ลูกสาวนายอะแกว ผู้เสียชีวิตซึ่งขอเข้าเป็ นโจทก์ร่วม เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาทั้งน้ำ ตาว่ารู้สึกเสียใจไม่คิดว่ าศาลจะยกฟ้องซึ่งหลังจากนี้ ทนายความจะยื่นหลักฐานเพิ่มเติ มเพื่อสู้คดีถึงที่สุดต่อไป ตนก็หวังว่าจะได้รับความเป็ นธรรม คดีนี้จับคนร้ายได้เพียงคนเดียว ส่วนเหตุการณ์ในวันนั้น นาย อะแกว บิดาได้มาหาตนที่ทำงานและถูกลู กหลงเสียชีวิต ซึ่งบิดาตนไม่เคยไปร่วมชุมนุ มทางการเมืองกับกลุ่มไหน