วันที่ 25 ส.ค.59 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. กล่าวเปิดเผยถึงความคืบหน้าหน้าเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ว่า มีความคืบหน้าไปมาหลายที่ ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดประจวบ และที่ขอหมายจับไปแล้วมีความชัดเจน อย่างแน่นอน วันนี้ได้เรียกพนักงานสอบสวน มาสอบพยานเพิ่ม ส่วนกรณีที่มีข่าว่าคนร้ายมีหน้าคล้ายคนที่ก่อเหตุจุดนั้น จุดนี้ ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่ทราบ ผมออกตามหมายจับตามหลักฐานของผมที่มีอยู่ ซึ่งผู้กระทำความผิดอยู่ในระดับเป็นผู้ปฎิบัติการอย่างชัดเจน และได้ขออนุมัติหมายจับในข้อหาวางเพลิง และมีวัตถุระเบิด ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกสองคนที่ตรวจเจอตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าหลักฐานถึง และผมมั่นใจในหลักฐานผมก็จะยื่นขออนุมัติหมายจับทันที ถามว่ากรณีคนร้ายที่กระทำการใน 7 จังหวัดเป็นบุคคลกลุ่มเดียวหรือไม่พล.ต.อ. พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าาว่าตอบไม่ได้ ยิ่งพูดก็ยิ่งยุ พวกท่านอย่าไปโยงแบบนี้ ถามว่าที่ออกหมายจับไปแล้วมีความโยงใยกับ 3 จังหวัดภาคใต้หรือไม่ พล.ต.อ. พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่าน่าจะใช่ เชื่อว่าผู้ต้องหายังหลบอยู่ในประเทศไทย ขอให้ประชาชนเขื่อมั่น เพราะคดีมีความคืบหน้าไปมาก และพอใจและผมดูการทำงานของ เจ้าหน้าที่มาตลอด ถ้าหลักฐานส่วนไหนไม่พอฟ้องเราก็สั่งไม่ฟ้อง สำหรับเรื่องการควบกุมตัวผู้ต้องสงสัยไวก่อนได้หรือไม่ นั้น บอกได้เลยว่าไม่จำเป็น การสอบสวนถ้าจำเป็นก็นจะเรียกถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องควบกุมตัว หากต้องการสอบสวนเพิ่มเติมก็สามารถเรียกมาได้ ส่วนกรณีของนายศักรินทร์ ถ้ามีหลักฐานพาดพิงต้องสงสัยก็สามารถดำนินการได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาพยานหลักฐานรวมทั้งที่จังหวัดตรัง ถ้ามีการพิจารณาหลักฐานชัดเจน ก็จะขออนุมัติหมายจับทันทีเพราะการรวบรวมพยานหลักฐาน เราเป็นผู้ไปขอ ศาลท่านเป็นผู้อนุมัติ ฉะนั้นหลักฐานเราต้องชัดเจน ส่วนจะมีการสเก๊ตภาพเพิ่มจาก 4 คนอีกหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ เพราะว่าหลักฐานต่างๆ ผมไม่ได้ออกตามภาพสเก๊ตภาพ ผมออกตามหมายเลข 13 หลักบัตรประจำตัวประชาชน ต้องมีชื่อ สกุล อย่างชัดเจน ซึ่งอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิด ได้ บอกได้ว่าคดีคืบหน้าไม่มีทางตันอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องคำถามว่าจะมีข่าวดีหรือไม่ หมายถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้นั้น ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ข่าวดี มันเป็นการหยุดยับยั้งการกระทำ เพื่อไม่ให้เหตุเกิดขึ้นอีก