เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 25 ก.ค. 59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รมว.พาณิชย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมายังหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่ศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส โดยมีนายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาค 4 นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.และพล.ต.ท.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ ผบช.ศชต. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา คอยให้การต้อนรับ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กระทำพิธีสักการะศาลพระภูมิที่บริเวณหน้าที่ตั้งหน่วย ก่อนที่จะเดินชมกิจกรรมผลการปฏิบัติงานของหน่วยทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ มีทั้งการตรวจยึดอาวุธปืนและวัตถุระเบิด การทลายที่พักลนเทือกเขา การจับกุมสมาชิกแกนนำและแนวร่วมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดย พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ได้มีการซักถามและชื่นชมผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้ทำงานด้วยความรอบครอบและรัดกุม เพื่อป้องกันความสูญเสีย ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เป็นประธานในการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา โดย พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาค 4 นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.และ พล.ต.ท.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ ผบช.ศชต. ซึ่งทั้ง 3 คน ได้เป็นตัวแทนของหน่วยในการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงาน รวมถึงมาตรการในการแก้ไขปัญหา โดยภาพรวมเจ้าหน้าที่สามารถจำกัดพื้นที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี จนเหตุการณ์ความไม่สงบได้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงรอบปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ก็ยังสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและตรวจยึดอุปกรณ์ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายได้เป็นจำนวนมาก ต่อมาเวลา 11.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปยังอาคารหอประชุมเฉลิมพระเกียรติมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมีนายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส กล่าวให้การต้อนรับ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีมอบโฉนดที่ดินบริเวณเทือกเขาบูโด สุไหงปาดี ให้กับตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 6 อำเภอ อาทิ รือเสาะ ระแงะ บาเจาะ ยี่งอ สุไหงปาดีและอำเภอเจาะไอร้อง จำนวน 800 ราย รวม 1,000 แปลง เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำกินโดยที่ไม่ต้องกลัวถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ