วันที่ 11 ก.ค. 60 สน.ห้วยขวาง ขอรายงานเหตุที่น่าสนใจตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ดำเนินการเร่งรัดสืบสวนปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดี “ค้ามนุษย์” เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง จึงได้ให้สายลับแฝงตัว เข้าไปในกลุ่มไลน์( กลุ่มเฉพาะ )ที่มีการลักลอบค้าประเวณี เมื่อสายลับแฝงตัวอยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าวจนได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มไลน์แล้ว ได้สืบทราบว่า น.ส.อาริสาหรืออริส ใจดี หรือ ผู้ที่ใช้ชื่อในการติดต่อในแอพพริเคชั่นไลน์ว่า “อริส” มีพฤติกรรมค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สายลับจึงได้เข้าทำการติดต่อเพื่อขอซื้อประเวณีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี จาก น.ส.อาริสา ใจดี ซึ่ง น.ส.อาริสาฯ หรือ “อริส” ได้ส่งรูปหญิงสาวหน้าตาดีซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนจำนวนหลายคน ซึ่งอายุไม่เกิน 18 ปี ให้กับสายลับ เพื่อให้สายลับได้เลือกตามความพึงพอใจ โดยมี น.ส.เอ นามสมมุติ ( เหยื่อตาม พรบ.การค้ามนุษย์) เป็นหนึ่งในตัวเลือกดังกล่าวโดยรูปที่นางสาวอริส ส่งมามี การระบุว่า น.ส.เอ อายุเพียง 16 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประชุมวางแผนเพื่อล่อซื้อประเวณี และมอบหมาย ให้ ร.ต.อ.นภสินธิ์ ปิยะรัฐ รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง อำพรางตนเอง ทำท่าทีเป็นลูกค้าที่จะมาซื้อประเวณีเด็กอายุ ไม่ถึง 18 ปี จาก น.ส.อาริสา หรือ “อริส” ซึ่งนางสาวอริส คิดราคาการให้บริการค้าประเวณีเป็นเงินจำนวน 15,000 บาท โดยให้สายลับโอนเงินไปให้ก่อนและได้นัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านเหม่งจ๋าย เมื่อถึงกำหนดนัด ร.ต.อ.นภสินธิ์ฯ และสายลับได้เดินทางไปยังร้านอาหารดังกล่าว สักครู่ได้รับการติดต่อจากนางสาวเอ นามสมมุติ ว่าเป็นเด็กที่ถูกส่งมาจาก น.ส.อาริสา หรือ อริส เพื่อมีเพศสัมพันธ์กันตามที่ได้ตกลงกันไว้กับ น.ส.อาริสาฯ จากนั้น ร.ต.อ.นภสินธิ์ฯ และ น.ส.เอ นามสมมุติ ก็ได้เดินทางออกจากร้านอาหารดังกล่าว เพื่อไปที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนประชาอุทิศ แขวง/เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เพื่อมีเพศสัมพันธ์กันตามที่ได้ตกลงกันไว้ กับ น.ส. อาริสาฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังไว้ตามจุดต่างๆ ของโรงแรม ไว้ล่วงหน้าแล้ว และเมื่อ ร.ต.อ.นภสินธิ์ฯ กับ น.ส.เอ นามสมมุติ ได้เข้าไปภายในห้องพักภายใน โรงแรมดังกล่าว ร.ต.อ.นภสินธิ์ฯ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวอยู่จึงได้แสดงตัว เพื่อเข้าช่วยเหลือ น.ส.เอ และนำตัวมา สน.ห้วยขวาง เพื่อสอบปากคำและรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับ น.ส.อาริสา หรือ “อริส” ใจดี และ นำตัวนางสาวเอ เข้าสู่กระบวนการให้การคุ้มครอง ตาม พรบ.ค้ามนุษย์ฯ ที่บ้านเกร็ดตระการ จ.นนทบุรี โดยจากการสอบถาม น.ส.เอ แจ้งว่าได้รับเงินค่าตัวจากนางสาวอริส จำนวน 7,000 บาท เพื่อให้มาค้าประเวณี โดย นางสาวอาริสาฯ ได้หักค่านายหน้าไปจำนวน 8,000 บาท จากจำนวน 15,000 บาท ที่สายลับได้โอนเงินไปให้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวมรวมพยานหลักฐานต่างๆจนสามารถขออนุมัติหมายจับ น.ส.อาริสา ใจดี ข้อหากระทำความผิดฐาน “ค้ามนุษย์โดยแสวงหา ประโยชน์จากการค้าประเวณีหรือค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น,เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน18 ปีเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, ชักจูง ยุยงส่งเสริมให้เด็กกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใดๆ”ได้ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1534 /2560 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า น.ส.อาริสา หรือ “อริส” เคยถูกจับกุมในคดี “ค้ามนุษย์”ที่ สน.บางรัก เมื่อเดือนมกราคม ปี 2559 คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ และเคยเป็นนางแบบนิตยสาร “แม็กซิม” จะมาปรากฏตัวที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ 999 หมู่ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง จึงได้ บูรการกำลังประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. (191) และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จนสามารถ จับตัวคนร้ายได้ คือ น.ส.อาริสา หรือ “อริส” ใจดี อายุ 32ปี บุคคลตามหมายจับของ ศาลอาญาที่ 1534/2560 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีหรือค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น,เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน18 ปีเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , ชักจูง ยุยงส่งเสริมให้เด็กกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใดๆ” จากการสอบถาม รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน จึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป