รวบสาวแสบ 18 มงกุฎ ครบเครื่องเรื่องต้มตุ๋นหนีคดีฉ้อโกงหมายจับติดตัวเพียบ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 13 ก.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกตุ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.กิตติเมศร์ โชติปิติเจริญรัฐ สว.กก.1บก.ป.และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. ร่วมกันทำการจับกุมตัว น.ส.อรอุมา ไทยทอง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/3 ม.6 ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 197/2560 ลงวันที่ 3 เม.ย.60 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงทรัพย์ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณทางเดินทางหน้าศาลแขวงดุสิต ถ.บรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.อรอุมา ผู้ต้องหารายนี้นั้นมีพฤติกรรมในการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน ด้วยกลวิธีต่างๆนานา อาทิ หลอกให้ผู้เสียหายนำเงินมาลงทุนทำธุรกิจเต้นท์รถแต่กลับไม่มีการลงทุนทำธุรกิจดังกล่าวจริงก่อนเชิดเงินหนี , หลอกผู้เสียหายอีกกลุ่มหนึ่งว่าสามารถพาฝากเข้าทำงานในบริษัทเอกชนได้แต่ต้องแลกกับการจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการ แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถพาฝากเข้าทำงานได้จริงทั้งที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้เสียหายไปแล้ว และปลอมไอจี เฟสบุ๊คของผู้เสียหายไปหลอกเอาเงินของผู้อื่น ซึ่งที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อถูก น.ส.อรอุมา หลอกรวมเป็นจำนวนมากมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกระทั่งทราบว่า น.ส.อรอุมา ได้กลบดานอยู่ภายในพื้นที่ กทม.จึงได้นำกำลังติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน สอบปากคำผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เพื่อต้องการนำเงินไปเที่ยวเตร่และใช้จ่ายส่วนตัว นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติผุ้ต้องหารายนี้ยังพบว่ามีคดีอื่นติดตัวในพื้นที่ต่างๆอีก 4 หมายจับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความผิดในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ และไม่มาตามหมายนัดของศาล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เจ้าของคดีรับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.อรอุมา ผู้ต้องหารายนี้นั้นมีพฤติกรรมในการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน ด้วยกลวิธีต่างๆนานา อาทิ หลอกให้ผู้เสียหายนำเงินมาลงทุนทำธุรกิจเต้นท์รถแต่กลับไม่มีการลงทุนทำธุรกิจดังกล่าวจริงก่อนเชิดเงินหนี , หลอกผู้เสียหายอีกกลุ่มหนึ่งว่าสามารถพาฝากเข้าทำงานในบริษัทเอกชนได้แต่ต้องแลกกับการจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการ แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถพาฝากเข้าทำงานได้จริงทั้งที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้เสียหายไปแล้ว และปลอมไอจี เฟสบุ๊คของผู้เสียหายไปหลอกเอาเงินของผู้อื่น ซึ่งที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อถูก น.ส.อรอุมา หลอกรวมเป็นจำนวนมากมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกระทั่งทราบว่า น.ส.อรอุมา ได้กลบดานอยู่ภายในพื้นที่ กทม.จึงได้นำกำลังติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน สอบปากคำผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เพื่อต้องการนำเงินไปเที่ยวเตร่และใช้จ่ายส่วนตัว นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติผุ้ต้องหารายนี้ยังพบว่ามีคดีอื่นติดตัวในพื้นที่ต่างๆอีก 4 หมายจับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความผิดในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ และไม่มาตามหมายนัดของศาล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เจ้าของคดีรับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป