ตำรวจ บุกทลายรังนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ย่านแปดริ้วรวบ 6 ผู้ต้องหา ก่อนจะขยายผลตามจับอีกสองแต่เหิมเกริบยิงใส่ตำรวจจึงถูกวิสามัญดับ 2 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 นำกำลังกว่า 30 นาย จู่โจมเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านพฤกษา 27 ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเป็นแหล่งพักและจำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่เขตจังหวัดฉะเชิงเทราและใกล้เคียง โดยจากการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 6 ราย เป็น ชาย 3 และหญิง 3 ราย พร้อมกับยึดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 610,000 เม็ด ถูกบรรจุใส่กระเป๋าเป้จำนวน 4 ใบ เพื่อรอจำหน่ายให้กับนักค้ายา ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังขยายผลอยู่นั้น ปรากฏว่ามีนักค้ายารายหนึ่งได้โทรศัพท์ติดต่อมายังกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อขอซื้อยาบ้าจำนวน 4 หมื่นเม็ด เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุม โดยให้ผู้ต้องหานัดหมายจุดส่งยา จนกระทั่งมีการนัดวางยาไว้ที่โคนเสาป้ายบอกทาง ริมถนนเลียบคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้เคียงกับวัดกาหลง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเดิมประมาณ 20 นาย พร้อมรถยนต์จำนวน 7 คันเดินทางไปยังจุดหมายเพื่อรอจับกุมนักค้ายาที่เดินทางมารับยาตามที่ผู้ต้องหาได้นัดหมายไว้ จนกะทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. พบว่ามีรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มาสด้า 2 สีแดง หมายเลขทะเบียน ทะเบียน 5 กฒ 2903 กรุงเทพมหานคร ได้ขับมาจอดยังจุดหมายโดยมีชายที่นั่งมาเบาะหน้าด้านซ้าย ลงมาหยิบลังยางเสพติดอุ้มขึ้นรถไป เจ้าหน้าที่ชุดปส.ซึ่งจอดซุ่มอยู่นั้นจึงแสดงตนเข้าจับกุมแต่สองผู้ต้องหาได้ขับรถพุ่งชนใส่เจ้าหน้าที่ จึงใช้รถยนต์กระบะจำนวน 2 คันปิดหัวท้ายจนรถผู้ต้องหาไม่สามารถหลบหนีได้ เมื่อคนร้ายเห็นว่าจวนตัวและกลัวจะถูกจับกุมจึงใช้อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอกยิงใส่เจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อหวังเปิดทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธปืน ยิงสวนใส่ผู้ต้องหาทั้ง2จนกระทั้งสิ้นเสียงปืนจึงเข้าเคลียร์พื้นที่ พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองถูกกระสุนของเจ้าหน้าที่เสียชีวิต หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เปร็งเจ้าของพื้นที่ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่อัยการจังหวัดสมุทรปราการ แพทย์เวรโรงพยาบาลบางบ่อ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าร่วมกันตรวจสอบในที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบศพ นาย นาย เจตน์ จันทระ อายุ 46 ปี เป็นคนขับรถ นอนเสียชีวิตอยู่ข้างทาง ห่างจากรถยนต์รถเก๋งมาสด้าสีแดงคันที่ขับมาประมาณ 10 เมตร ตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอกภายในลูกโม่มีกระสุนบรรจุเต็มโม่ และถูกยิงออกไปจำนวน 3 นัด ส่วนสภาพศพพบบาดแผลที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงสวนเข้าที่หน้าอกจำนวน 2นัด ใต้ราวนมซ้าย 1 นัด ใต้ราวนมขวา 1 นัด สีข้างอีก 2 นัด รวม 6 นัด ภายในรถยนต์คันดังกล่าวที่เบาะนั่งหน้าด้านซ้ายพบศพ นาย เกษม วงศ์เจริญ อายุประมาณ 26 ปี ถูกยิงเข้าที่เบ้าตาขวา 1 นัด หน้าอก 2 นัด ใต้คางซ้าย 1 นัด และกลางศีรษะจำนวน 1 นัด รวม 5 นัด นั่งเสียชีวิตอยู่ที่เบาะหน้าด้านซ้าย โดยมีกล่องลังเบียร์บรรจุกระเป๋าเป้สีดำภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 4 หมื่นเม็ดวางอยู่ที่พักเท้าด้านหน้า และมีอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ ตรวจสอบภายในแม็กกาซีนพบว่ามีลูกกระสุนเต็มแม็ก และมีปลอกกระสุนที่ถูกยิงออกไปแล้วจำนวนหนึ่ง ในรถ เจ้าหน้าที่จึงถ่ายภาพและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ โดยมีการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงขณะเกิดเหตุพร้อมทั้งเก็บคราบเขม่าดินปืนของเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตทั้งสองพบว่าหนีหมายจับหลายคดี ด้าน ร.ต.ท. เกษม ฉิมพาลี สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมชุดจับกุม เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจากบ้านพักในหมู่บ้านพฤกษามายังจุดเกิดเหตุที่มีการวิสามัญ 2 ผู้ต้องหา เมื่อเดินทางมาถึงเจ้าหน้าที่จึงรอจังหวะที่ทั้ง 2 ได้มารับยาเสพติด จนกะทั่งมีการแสดงตัวเข้าจับกุม แต่พบว่าคนขับได้ขับรถพุ่งชนเจ้าหน้าที่ จนต้องกระโดดหนีตาย จากนั้นจึงนำรถยนต์กระบะสองคันปิดหัวท้าย ทำให้คนขับคือนายเจตน์ ได้วิ่งออกมาและใช้อาวุธปืนลูกโม่ยิงเปิดทางใส่เจ้าหน้าที่ โดยมีนาย เกษม ซึ่งนั่งมาในรถได้ใช้อาวุธปืนอีกกระบอกยิงสวนออกมาจากรถ ตนเองซึ่งขณะนั้นยืนบล็อกอยู่ที่ท้ายรถกระบะทำให้ถูกกระสุนของคนร้ายเข้าที่กลางอกอย่างจังจำนวน 1 นัด โชคดีที่ใส่เสื้อเกราะจึงทำให้รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่คาดคิดว่าผู้ต้องหาจะกล้ายิงใส่เจ้าหน้าที่ ตำรวจ