เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 19 ก.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พร้อมด้วย นายวราวุธ วิบูลย์ศิริชัย ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปรามกรมศุลกากร พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผอ.กองคุมครองผู้บริโภค ด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนเทียน และกำลังเจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลแขวงธนบุรี เลขที่ 163 / 2560 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 206/74 หมู่บ้านเมโทรปาร์ค ถ.กัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. หลังสืบทราบว่าบ้านดังกล่าวเป็นแหล่งเก็บและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์จำนวนมาก ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 3 บริเวณชั้น 3 พบสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยายี่ห้อต่างๆจำนวนมาก ส่วนที่บริเวณชั้นล่างพบกล่องพัสดุไปรษณีย์รอแพ๊คส่งของให้กับลูกค้า ส่วยที่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าบ้านพบ รถยนต์โตโยต้า ไฮลักส์ สีดำ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน 5 กศ 3407 กทม. จอดอยู่ 1 คัน ส่วนด้านหน้าบ้านริมถนน พบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า สีบรอนส์ หมายเลขทะเบียน ฎล1541 กทม. จอดอยู่ บริเวณท้ายรถพบน้ำยาและบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันได้ควบคุมตัวนายภัทราวุธ บุญริ้ว อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/18 ถ.ประชาอุทิศ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก เจ้าของรถ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า สำหรับการตรวจค้นในครั้งนี้สืบเนื่องจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 สืบทราบมาว่ามีการลักลอบจำหน่ายสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาผ่านทางเฟซบุ๊ค และทางอินเตอร์เน็ต จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) เจ้าหน้าที่ สคบ.และเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เข้าตรวจค้น เบื้องต้นพบของกลางอยู่ภายในห้องพักชั้น 3 ของบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับพบนายภัทราวุธ ขับรถเก๋งเข้ามาภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าไม่รู้เรื่อง และอ้างว่าแค่มารับสินค้าที่สั่งซื้อ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลติดต่อภายในโทรศัพท์มือถือพบมีพฤติกรรมคล้ายกับทำหน้าที่เป็นแอดมินเพจกลุ่ม คอยประสานงานจัดส่งสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้า รวมถึงจากการตรวจสอบภายในรถเก๋งที่นายภัทราวุธ ขับมานั้นยังพบบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาอีกจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ด้านหลังรถ ขณะเดียวกัน ระหว่างที่กำลังเข้าทำการตรวจค้นได้มีผู้ต้องหารายหนึ่งทราบชื่อคือ น.ส.สมหมาย ยุ 35 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนดูแลและเป็นคนแพ็คของส่งให้กับลูกค้า ไหวตัวทันหลบหนีไปได้ก่อน ทั้งนี้สำหรับมูลค่าของกลางที่ทำการตรวจยึดได้ในครั้งนี้ทั้งหมดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งของกลางทั้งหมดจากการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ก่อนจะนำมาเก็บพักสินค้าไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อรอจำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งของกลางทั้งหมดจะส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร นำไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ส่วนนายภัทราวุธ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา จำหน่ายสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และนำเข้าสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.กรมศุลกากร ก่อนส่งตัวให้กับทาง พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ด้าน พ.ต.อ.ประทีป กล่าวว่า สำหรับบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นจัดเป็นวัตถุที่ห้ามนำเข้าและมีไว้ในครอบครอง เนื่องจากเป็นวัตถุที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากผบการทดสอบของกรมวิทยาศาสตร์บริการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข พบมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหลายชนิด ที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้จากผลการวิจัยทางการแพทย์พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าติดต่อกัน 1 ชั่วโมง เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 100 มวน แต่ที่ผ่านมาทางผู้นำเข้ากลับสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จขึ้นมาเผยแพร่เพื่อสร้างความเข้าใจที่ผิดๆให้กับผู้บริโภคจนทำให้หลงเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยทำให้เลิกบุหรี่ได้ ทำให้คนหันมาสูบบุหรี่ชนิดนี้แทน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่นำเข้า หรือ ผลิต จะมีโทษจำคุก ไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนผู้จำหน่าย จะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคและพ.ร.บ.ศุลกากร ส่วนผู้สูบจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผลิตภัณฑ์กรมควบคุมโรค มีโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท