นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะโฆษกกรม เผย ปัจจุบันการใช้ชีวิตรีบเร่ง ทำให้พฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป เช่น รีบกิน เคี้ยวไม่ละเอียด หรือนอนหลังกินเสร็จใหม่ๆ พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย หรือเกิดกรดไหลย้อนได้ สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารคือ ขิง จากการศึกษาวิจัยพบว่า ขิง มีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยย่อย ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่มีสาเหตุมาจากการเมารถ เมาเรือ หรือคลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยหลังผ่าตัด และผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด ยาแผนไทยที่แนะนำให้มีไว้ประจำบ้าน หรือพกติดตัวไว้ใช้เมื่อเกิดอาการของโรคระบบทางเดินอาหาร คือ ยาขิง ชนิดแคปซูล ซึ่งเป็นสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ เมื่อท้องอืด เฟ้อ จุกเสียด ให้รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล (1,000 มก.) วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร ส่วนการป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากเมารถ เมาเรือนั้น รับประทานครั้งละ 2-4 แคปซูล (1,000 – 2,000 มก.) ก่อนเดินทาง 30 นาที – 1 ชั่วโมง หรือเมื่อมีอาการ ข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาขิง ควรระมัดระวังการกินร่วมกับยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด ผู้ป่วยโรคนิ่วควรปรึกษาแพทย์ก่อน และไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบใช้ยาขิง หากแพ้ เช่น เป็นผื่น ลมพิษ บวม คันตามปากและลำคอ หายใจติดขัด ควรหยุดยาทันทีและพบแพทย์ทันที สำหรับการป้องกันโรคของระบบทางเดินอาหารนั้น ควรปรับพฤติกรรมการกิน เช่น กินอาหารให้ตรงเวลา ครบ 5 หมู่ อาหารมีกากใย ไม่กินอิ่มเกินไป เลี่ยงอาหารรสจัด ไขมันสูง ย่อยยาก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์