ในช่วงนี้ทาง การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ได้ตอกย้ำจุดยืนความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไมซ์ระดับเอเชีย ด้วยการ เปิดตัวแซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ (Sands Expo and Convention Centre) ในฐานะศูนย์การประชุมและนิทรรศการแห่งแรกของประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณเท่ากับ 0% เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแถวหน้าด้านการจัดอีเวนต์ท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอย่างยั่งยืนที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยกศักยภาพศูนย์ประชุม ทั้งนี้ นายออง วี มิน รองประธานด้านศูนย์นิทรรศการและการประชุมอุตสาหกรรมไมซ์ ของมารีน่า เบย์ แซนด์ส กล่าวว่า หลังจากธุรกิจไมซ์ในสิงคโปร์ต้องหยุดชะงักลง ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจุบันได้เริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้ง รวมถึงศูนย์ประชุมแซนด์ส เอ็กซ์โปฯ ที่ทางมารีน่า เบย์ แซนด์ส ได้ทุ่มงบประมาณมหาศาล เพื่อพัฒนาศักยภาพศูนย์การประชุมและนิทรรศการแห่งนี้ให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% “จากเดิม แซนด์ส เอ็กซ์โปฯ ถือเป็นสถานที่จัดงานสีเขียวชั้นนำที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับลีด แพลตตินั่ม ผ่านเกณฑ์ประเมินการก่อสร้างอาคารสีเขียว และ ISO 20121 รับรองมาตรฐานด้านการบริหารจัดการงานอีเวนต์อย่างยั่งยืนอยู่แล้ว ได้ถูกยกระดับสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ยิ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของประเทศสิงคโปร์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง” นายออง วี กล่าว พลิกโฉมอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งนี้ นายออง วี กล่าว ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา มารีน่า เบย์ แซนด์ส สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 33% ดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แซนด์ส เอ็กซ์โปฯ มีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับศักยภาพและพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมไมซ์ ของสิงคโปร์ให้ก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนายั่งยืนไปอีกขั้น และยังแสดงถึงความตั้งใจจริงของสิงคโปร์ในการบริหารจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน “การก่อตั้ง มารีน่า เบย์ แซนด์สตั้งแต่เริ่มต้น ได้ทุ่มงบประมาณจำนวนมากไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อให้รีสอร์ทครบวงจรสุดหรูแห่งนี้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง อาทิ การลงทุน 25 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์นำระบบบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ มาใช้ ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากถึงปีละกว่า 7.4 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมงมาตั้งแต่ปี 2555 หรือการนำมิเตอร์ย่อยมาติดตั้งยังชั้นต่างๆ ในสถานที่จัดงานไมซ์ภายในบริเวณรีสอร์ท ช่วยให้ผู้จัดงานสามารถติดตามดูปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายออง วี กล่าว เพิ่มประสิทธิภาพบริการ อย่างไรก็ตาม นายออง วี กล่าวต่อว่า ล่าสุด มารีน่า เบย์ แซนด์ส ได้จัดสรรงบซื้อใบรับรองพลังงานหมุนเวียน จากบริษัท Sembcorp Solar และจัดซื้อคาร์บอนเครดิตสนับสนุนโครงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม เพื่อชดเชยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาจากการใช้พลังงานไฟฟ้าและก๊าซภายในสถานที่จัดงานไมซ์ของมารีน่า เบย์ แซนด์ส คิดเป็นสัดส่วนรวม 100% ทั้งนี้ ระหว่างปี 2562-2565 มารีน่า เบย์ แซนด์ส ตั้งเป้าที่จะจัดซื้อใบรับรองพลังงานหมุนเวียนเฉลี่ยต่อปี รวม 25,000 ฉบับ โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้พลังงานต่อปีของทางรีสอร์ตในช่วง 5 ปีให้หลัง นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่อุตสาหกรรมไมซ์ของสิงคโปร์ ทางมารีน่า เบย์ แซนด์ส จึงได้กำหนดให้ผู้จัดงานจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพ มีการจำกัดจำนวนคนภายในงานและรักษาระยะห่างอย่างเข้มงวดและรัดกุม ตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียนหน้างาน ระบบการจัดคิว ไปจนถึงการจัดเตรียมสถานที่ซึ่งมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมเพิ่มมาตรการทำความสะอาดฆ่าเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทุกชิ้นหลังใช้งาน รวมถึงพื้นที่จัดงานประชุมส่วนต่างๆ อาทิ ศูนย์ธุรกิจ พื้นที่รอก่อนใช้บริการ โถงทางเดิน ล็อบบี้ รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่ม โดยยกเลิกการเสิร์ฟอาหารแบบบุฟเฟต์บริการตัวเอง เป็นการเสิร์ฟอาหารเป็นชุดแทน เพื่อลดการมีปฏิสัมพันธ์และสื่อสารระหว่างกัน โดย นายออง วี ยังกล่าวต่อว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมไมซ์นอกจากจะต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่เข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบแล้ว การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ยังเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่บรรดาผู้จัดงานหันมาให้ความสำคัญ โดย มารีน่า เบย์ แซนด์ส มีแผนที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ก้าวทันกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือการนำระบบไฮบริด บรอดคาสตท์ สตูดิโอ (Hybrid Broadcast Studio) มาอำนวยความสะดวกในการจัดงานวิถีใหม่ ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีโลกเสมือนอันล้ำสมัยรูปแบบ AR,VR, XR และโฮโลแกรมเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับประสบการณ์ชั้นเยี่ยม ให้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสถานที่และเวลา ช่วยให้ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลกก็สามารถเข้าร่วมงานได้อย่างใกล้ชิด เสมือนจริง และไร้รอยต่อ