โฆษกอัยการแถลงเลื่อนสั่งคดี พระธัมมชโย กับพวก ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ไป 6 ต.ค.เนื่องจากยังสอบสวนเพิ่มเติมไม่เสร็จในหลายประเด็น เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 ส.ค. 59 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกฯ ร่วมกันแถลงข่าว คดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาที่ 1 และ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 กับพวกรวม 5 คน กระทำผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร โดยเรือโทสมนึก กล่าวว่า คดีนี้นายชาติพงษ์ จิรพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานคดีนี้ ได้นัดฟังคำสั่งครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะทำงานได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็น และให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมในวันที่ 11 ส.ค.พร้อมนัดให้น.ส. ศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 มารายงานตัวเพื่อรับทราบคำสั่งทางคดีในวันนี้ แต่เนื่องจากพนักงานอัยการได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจากดีเอสไอไม่ครบถ้วน อีกทั้งเอกสารในคดีนี้และเอกสารเพิ่มเติมที่ดีเอสไอส่งให้พนักงานอัยการพิจารณามีจำนวนมาก เนื้อหาซับซ้อน ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูงมาก พนักงานอัยการจึงต้องพิจารณาสั่งสำนวนคดีนี้อย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงเลื่อนการสั่งคดีนี้ออกไปและนัดผู้ต้องหาที่ 3 และผู้ต้องหาที่ 4 มารายงานตัว เพื่อรับฟังคำสั่งคดีนี้ครั้งต่อไป ในวันที่ 6 ต.ค. นี้ เวลา 10.00 น. “คดีนี้อัยการสูงสุดได้เร่งรัดและกำชับให้ความสำคัญในระดับต้นๆ ส่วนประเด็นสอบสวนเพิ่มเติมที่ดีเอสไอส่งมาให้อัยการนั้นมีรายละเอียดที่ซับซ้อนต้องใช้เวลารวบรวมบางเรื่อง ซึ่งวันที่ 6 ต.ค.ถือเป็นกรอบเวลาที่ดีที่สุด แต่ถ้าในวันดังกล่าวทางคณะทำงานอัยการยังไม่พร้อม เงื่อนเวลาการสั่งคดีอาจจะเลื่อนออกไปอีกได้ แต่ไม่มีผลกระทบอะไร เนื่องจากคดีนี้มีอายุความหลายปี” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นที่สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมมีอะไรบ้าง นายประยุทธ กล่าวว่า เป็นความลับในสำนวน หากเปิดเผยไปจะทำให้เสียรูปคดี และไม่ให้ความธรรมกับคู่ความ สำหรับคดีปลอมเอกสารสิทธิการโอนหุ้นของนาย ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ รวมมูลค่า 300 ล้านบาท ที่อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหากับพวกว่า ขณะนี้ ต้องรอให้รองอัยการสูงสุดทำความเห็นก่อน หากมีความเห็นไม่ฟ้องเช่นเดียวกับอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ก็ต้องส่งสำนวนให้ผบ.ตร.ตาม ป.วิอาญา มาตรา 145 เพื่อพิจารณาทำความเห็นทางคดีมา ซึ่งหาก ผบ.ตร. มีความเห็นแย้งโดยยืนยันควรสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก ก็จะต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดเด็ดขาดว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา แต่หากรองอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ก็จะส่งเรื่องให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อไป ซึ่งจะใช้ระยะเวลาไม่นาน