นางศรีกัญญา ยาทิพย์ รองเลขาธิการกลุ่มงานสมาชิกสัมพันธ์ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) เปิดเผยว่า “กบข.ได้ร่วมกับบริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ,บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) และบริษัทเอไอเอ จำกัด จัดโครงการประกันชีวิตเปี่ยมสุขต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญคือ การสรรหาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของสมาชิก เพื่อช่วยสมาชิกวางแผนการเงินให้บรรลุเป้าหมายหลังเกษียณ โดยสิทธิพิเศษที่สมาชิกกบข.จะได้รับจากโครงการนี้คือ แบบประกันที่ออกแบบพิเศษเฉพาะสมาชิกกบข. ด้วยอัตราเบี้ยประกันต่ำ ให้ความคุ้มครองระยะยาว และของที่ระลึกจากบริษัทประกันชีวิตที่ร่วมโครงการ ทั้งนี้สมาชิกกบข.ให้การตอบรับโครงการนี้ดีมาก ดังเห็นได้จากยอดซื้อกรมธรรม์กว่า 1.1 ล้านฉบับ ทุนประกันรวม 1.96 แสนล้านบาท กบข.จึงได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2549” รายงานข่าว แจ้งว่า โครงการประกันชีวิตเปี่ยมสุขที่ต่ออายุกับ3บริษัทประกันฯในปีนี้ แต่ละบริษัทต่างมีอันต้องมาปัดฝุ่นสินค้าขายกันใหม่ยกใหญ่ หลังจากนโยบายดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เปิดกว้างขึ้นให้แต่ละบริษัทสามารถเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่จะขายในโครงการประกันชีวิตเปี่ยมสุขร่วมกับกบข.ได้ฟรีสไตล์ขึ้น จากเดิมในยุคนายประเวช องอาจสิทธิกุล อดีตเลขาฯคปภ.จะอนุญาตให้ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในโครงการนี้เป็นแบบประกันระยะยาวเท่านั้น โดยไม่ให้ออกแบบระยะสั้นออกมาขาย หรือแม้แต่ตัวสินค้า Pension หรือผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญ ก็ห้ามนำออกมาขาย เนื่องจากอดีตเลขาฯคปภ.ระบุว่า กบข.ก็ทำอยู่แล้วในเรื่องบำเหน็จบำนาญ จึงไม่เห็นด้วยที่บริษัทประกันชีวิตจะมาขาย Pension ซ้ำซ้อนอีก ดังนั้นเมื่อเลขาฯคปภ.คนปัจจุบันไฟเขียวเปิดกว้างขึ้นเช่นนี้ ก็ทำให้บริษัทประกันชีวิตเตรียมนำผลิตภัณฑ์บำนาญกลับมาขายใหม่ เพื่อให้ตอบกับโจทย์ที่ทางเลขาฯกบข.ระบุให้นโยบายมาเร่องของขรก.ปัจจุบันก็มีเงินบำเหน็จบำนาญอยู่แล้ว เงินก้อนนี้ใช้ยังชีพ แต่เวลาหากเจ็บป่วยขึ้นมา จะเอาเงินที่ไหนมารักษา จึงทำให้บริษัทประกันฯคิดว่า น่าจะคิดหาผลิตภัณฑ์มาตอบโจทย์เรื่องนี้ นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ รับคัดเลือกเข้าเป็นพันธมิ ตรในโครงการ “ประกันชีวิตเปี่ยมสุข” จากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้ าราชการ(กบข.) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 และได้รับความไว้ วางใจจากคณะกรรมการและสมาชิก กบข. เป็นอย่างดี โดยปีนี้เรายังคงมุ่งมั่ นในนโยบาย “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)” เพื่อตอบสนองความต้องการที่ หลากหลาย ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้ าถึง และเหมาะสมกับความต้ องการของสมาชิก กบข. อย่างแท้จริง ความร่วมมือในโครงการ “ประกันชีวิตเปี่ยมสุข” ครั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมแบบประกันชีวิตที่มี ความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้ องการของสมาชิกอย่างครอบคลุ มมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่วางแผนด้ านความคุ้มครองชีวิต การบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ ายด้านสุขภาพ และการบริหารสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งมีความหลากหลายของทั้ งระยะเวลาความคุ้ มครองและระยะเวลาชำระเบี้ยประกั นภัย รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิ ตตะกาฟุล ซึ่งเหมาะสมสำหรับสมาชิกที่นั บถือศาสนาอิสลาม โดยบริษัทฯ มีคณะกรรมการเมืองไทยชารีอะห์ที่ คอยให้คำปรึกษาในด้านหลั กศาสนาที่ถูกต้องและโปร่งใส โดยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ นำมาเสนอครั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการเมืองไทยข้าราชการสุขสั นต์ โครงการเปี่ยมสุข เมืองไทยคุ้มครองตลอดชีพ 99/20 โครงการเปี่ยมสุข เมืองไทยรับทรัพย์ตลอดชีพ 90/7 โครงการเปี่ยมสุข เมืองไทย ธนทรัพย์ 25/15 โครงการเปี่ยมสุข ออมทรัพย์ 20/14 โครงการเปี่ยมสุข เมืองไทยธนพันธุ์ และแบบประกันใน “โครงการเมืองไทยตะกาฟุล” ประกอบด้วย โครงการเปี่ยมสุข ตะกะฟุล ตลอดชีพ 95/20 โครงการเปี่ยมสุข เมืองไทยตะกาฟุลแฮปปี้ ไลฟ์ 21/21 และ โครงการเปี่ยมสุข ตะกาฟุลออมทรัพย์ 20/15 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต พร้อมให้บริการทุกท่านด้วยระบบการทำงานที่ทันสมัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ผ่านตัวแทนคุณภาพและสำนั กงานสาขาที่มีศักยภาพครอบคลุมทั่ วประเทศ มีความเป็นมืออาชีพ ที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณสูงสุด โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสำนักงานสาขาจำนวน 178 แห่งทั่วประเทศ โดยเป็นสาขาในห้างสรรพสินค้า 48 แห่ง และสาขาในโรงพยาบาล 3 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อให้ลูกค้าได้รั บความสะดวกมากที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทฯ มีเครือข่ายสถานพยาบาลกว่า 440 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลคู่สัญญาที่ เปิดให้บริการ Fax-Claim 24 ชั่วโมง กว่า 280 แห่งทั่วประเทศ นายสาระ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการตอบโจทย์ความต้ องการด้านสุขภาพแก่สมาชิก กบข. ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมบริการใหม่ๆ ในโครงการ “Premier Health Solutions” ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิ์ซื้ อบริการตรวจ myTHAIDNA มิติใหม่ของการดูแลและเข้าใจตั วเองผ่านการตรวจ DNA ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่ วยให้คุณจัดการและดูแลสุขภาพได้ ดียิ่งขึ้น โดยผู้ที่ สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอี ยดโครงการ ได้ที่ www.mythaidna.com , www.muangthai.co.th หรือติดต่อตัวแทนเมืองไทยประกั นชีวิตทั่วประเทศ ตลอดจนการเพิ่มบริการ Health at Home ที่ให้สมาชิกเมืองไทย Smile Club สามารถใช้คะแนนสะสมSmile Point แลกรับบริการดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่บ้าน ในแบบ Home Care จาก “Health at Home” ทั้งยังมีบริการ “MTL Global Connect” ซึ่งเป็นบริการที่มอบความอุ่ นใจ แก่ลูกค้าที่มีประกันชีวิตและสั ญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุ ขภาพตามที่บริษัทฯ กำหนด เมื่อเจ็บป่วยต่างแดน สามารถเข้าพักรักษาตั วในโรงพยาบาลได้ทั่วโลกตามสิทธิ์ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย รวมถึงให้คำปรึกษาปัญหาสุ ขภาพเบื้องต้น และการแนะนำโรงพยาบาลที่จะเข้ ารับการรักษาในต่างแดน ตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์การตอบสนองความต้ องการอย่างครบวงจรของเมื องไทยประกันชีวิตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ สมาชิก กบข. ที่ใช้บริการของเมืองไทยประกั นชีวิต ยังสามารถสมัครเป็นสมาชิก “เมืองไทย Smile Club” เพื่อร่วมกิจกรรมแห่งความสุ ขและรอยยิ้ม พร้อมรับสิทธิประโยชน์ที่ได้คั ดสรรไว้อย่างมากมายตอบโจทย์ ตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกตลอดทั้ งปี และอำนวยสะดวกแก่ผู้เอาประกั นในยุคดิจิตอล ผ่าน Smile Service Application เพื่อตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ตลอดจนการเข้าร่วมกิจกรรม “เมืองไทย Smile Club” รวมถึง โทร 1766 เมืองไทย Smile ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และในโอกาสที่เมืองไทยประกันชี วิต ได้รับคัดเลือกให้เป็นพันธมิ ตรมาอย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นปี ที่ 12 ในช่วงเดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2560 นี้ เพื่อเป็นการขอบคุณสมาชิก กบข บริษัทฯได้จัดเตรียมของขวัญชิ้ นพิเศษมอบให้แก่สมาชิกกบข.ที่ สมัครเข้าร่วมโครงการประกันชีวิ ตเปี่ยมสุข ตามเงื่อนไขของบริษัทฯ ด้านดร.อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้ร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ “ประกันชีวิตเปี่ยมสุข” เพื่อมอบความคุ้มครองแก่สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และครอบครัว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงนำเสนอแบบประกันที่ครอบคลุมทุกความต้องการ พร้อมมอบบริการที่มากกว่าการประกันชีวิต รวมถึงมอบสิทธิพิเศษมากมายเฉพาะสมาชิก กบข. ที่เป็นลูกค้าไทยประกันชีวิตเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในโครงการ 6 แบบ ประกอบด้วย แบบประกันเกษมทวี แบบประกันเกษมทรัพย์ แบบประกันเกษมเกษียณ แบบประกันเกษมบำนาญ2 แบบประกันเกษมปันผล และแบบประกันเกษมสิน ซึ่งแบบประกันดังกล่าวตอบสนองความต้องการที่ครอบคลุม ทั้งการวางแผนอนาคตในยามเกษียน และการวางแผนสร้างหลักประกันชีวิตที่มั่นคงสำหรับครอบครัว โดยแบบประกันที่ได้รับความนิยม คือ แบบประกันเกษมสิน ซึ่งเป็นแบบประกันที่คุ้มครองตลอดชีพ และแบบประกันเกษมทวี 14/7 ซึ่งเป็นแบบประกันออมทรัพย์ระยะสั้น “ในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถขายประกันให้กับสมาชิก กบข.และครอบครัวรวม 27,416 กรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ยประกันรับประมาณ 420 ล้านบาท สำหรับในไตรมาสแรกปี 2560 สามารถขายประกันได้ 3,152 กรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ยประกันรับประมาณ 48 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เริ่มเข้าร่วมโครงการจนถึงปัจจุบัน มีสมาชิก กบข.และครอบครัวให้ความไว้วางใจทำประกันชีวิตกับบริษัทฯ กว่า 300,000 ราย” ดร.อภิรักษ์กล่าว และในปีนี้ซึ่งถือเป็นโอกาสพิเศษที่ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจครบ 75 ปี บริษัทฯ จึงได้จัดแคมเปญพิเศษเพื่อสมาชิก กบข.โดยเฉพาะ โดยสมาชิกที่ซื้อประกันชีวิตฉบับใหม่ เฉพาะแบบประกันในกลุ่ม กบข. ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึง 31 ธันวาคม 2560 และชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป มีสิทธิ์ลุ้นรับทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 75 รางวัล ไม่เพียงเท่านั้นสำหรับผู้เอาประกันรายเดิมที่ซื้อกรมธรรม์ เพิ่มเป็นกรมธรรมที่ 2 ขึ้นไป ตามเงื่อนไขโครงการฯ ยังได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลเพิ่มเป็น 2 สิทธิ์ด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการดูแลและสร้างหลักประกันทางการเงินแก่สมาชิก กบข.และครอบครัวมาอย่างต่อเนื่อง ในวาระพิเศษครบ 75 ปีไทยประกันชีวิต เราจึงได้มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก กบข. เพื่อขอบคุณในความไว้วางใจให้ไทยประกันชีวิตดูแลตลอดมา ซึ่งบริษัทฯ ยังยึดมั่นในนโยบายลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เราจึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เอาประกันทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังพร้อมมอบบริการที่มากกว่าสำหรับผู้เอาประกัน ด้วยบริการไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ บริการฉุกเฉินทางการแพทย์และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ ทั่วโลก รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ จากไทยไลฟ์การ์ด ที่คัดสรรกิจกรรมที่หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของผู้เอาประกัน พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมายต่อเนื่องตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีสาขาและศูนย์บริการลูกค้า (Customer Service Center : CSC) ภายในศูนย์การค้าชั้นนำ รวมมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่นายตัน ฮาคเลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ประเทศไทยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากกบข.ให้เข้าโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาถึง 12 ปี เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ประกันชีวิตแก่สมาชิกกบข. พนักงาน กบข. รวมไปถึงครอบครัว และในปีนี้ เอไอเอได้นำเสนอแบบประกันรวมทั้งสิ้น 8 แบบ ซึ่งได้มีการปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่คนตื่นตัวเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยได้เพิ่มโครงการ “เอไอเอ ไวทัลลิตี้) ซึ่งเป็นโครงการสุขภาพที่จะช่วยผลักดันให้สมาชิกหันมาดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาว นอกจากนี้เอไอเอยังได้จัดแบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง “เอไอเอซีไอ ซูเปอร์แคร์” คุ้มครองตลอดชีพถึงอายุ 99ปี และสามารถเลือกชำระเบี้ยประกันได้ทั้งแบบระยะเวลา 10 ปี หรือ 20 ปี อัตราเบี้ยประกันคงที่ตลอดสัญญา ครอบคลุมโรคร้ายมากที่สุดถึง 6ก ลุ่ม รวมกว่า 62 โรคร้ายแรง ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงของเอไอเอปีนี้ และสำหรับสมาชิกกบข.ที่ต้องการแบบประกันที่เน้นความคุ้มครองชีวิตระยะยาว แบบสะสมทรัพย์ และแบบประกันสำหรับการเกษียณอายุ เอไอเอ ก็มีแบบประกันตลอดชีพชำระเบี้ยประกัน 20 ปี (ไม่มีเงินปันผล) แบบชำระเบี้ย 10 ปี คุ้มครองครบอายุ 80 ปี (มีเงินปันผล) แบบสะสมทรัพย์ 25 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 15 ปี พิเศษ(มีเงินปันผล) พร้อมด้วยแบบเอไอเอ บำนาญมั่นคง มานำเสนอเป็นทางเลือกให้กับสมาชิกฯด้วยเช่นกัน”นายตัน ฮาคเลห์ กล่าว