บช.ปส.จับไอซ์ 402 กก. ยึดทรัพย์กว่า 18 ล้านบาท ชี้เป็นเครือข่ายปากซัน นำเข้าทางภาคเหนือของไทยหวังลำเลียงลงภาคใต้ส่งประเทศที่ 3 รวบ “ยายทา” หัวโจกระดับสั่งการ สอบสวนรับก่อนหน้านี้ขายกัญชา-ไม้พะยูง ก่อนผันตัวมาขายไอซ์ เหตุราคาดี-ได้ค่าจ้างต่อครั้งหลักล้านบาท หากขนรอบที่โดนจับสำเร็จจะเอาเงินช่วยน้ำท่วม จ.สกลนคร แต่ไม่รอดโดนรวบคาบ้านพัก เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ส.ค. 60 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผบช.ปส. พล.ต.ต.ทีฆโชติ สุวรรณาคม ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติด จำนวน 2 คดี พร้อมของกลาง ไอซ์รวม 402 กิโลกรัม รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 22 เครื่อง คดีแรก สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28-31 ก.ค. ต่อเนื่องวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 และบก.สกส. สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ด้านจ.หนองคายไปส่งต่อให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนในและภาคใต้ของประเทศไทย ใช้เส้นทางจาก จ.หนองคาย จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.สมุทรสาคร เพื่อส่งมอบให้กับผู้ซื้อที่รอรับในพื้นที่ จ.สงขลา โดยใช้รถยนต์ จำนวน 3 คัน มีรถที่ใช้ขนยาเสพติดกับรถนำและปิดท้ายขบวน ชุดจับกุมจึงวางแผนและจัดกำลังเฝ้าสังเกตตามเส้นทางต่างๆ จนกระทั่ง ช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.ค. พบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน สฉ 6630 กรุงเทพมหานคร ขับนำรถยนต์รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียน 6 กด 6141 กรุงเทพมหานคร มีรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีเทา หมายเลขทะเบียน กธ 5151 ขอนแก่น อยู่ท้ายขบวน ซึ่งรถทั้งสามคันขับทิ้งระยะห่างกัน 1-2 กม. ตามถนนมิตรภาพ ก่อนที่จะขับรถเลี้ยวไปตามเส้นทางจ.ขอนแก่นแล้วเข้าไปในกาสะลองรีสอร์ท เลขที่ 200/1 หมู่ที่ 13 ถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ชุดติดตามจึงแสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจค้น พบไอซ์ จำนวน 400 กิโลกรัม วางอยู่ข้างในรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีเทา คันที่ขับรั้งท้ายขบวน จึงควบคุมตัวกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด 5 คนที่มากับรถดำเนินคดี จากนั้น เจ้าหน้าที่ทำการขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 คนซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้ที่เขื่อนเพชรรีสอร์ท หมู่ที่ 2 ถนนไพศาลอุทิศ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต่อมา พนักงานสอบสวน บช.ปส.ได้สอบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการ ทราบชื่อ นางวันทา หรือนางทา หรือยายทา โคตะวงษ์ ซึ่งเป็นคนในระดับสั่งการ ร่วมกับลูกสาวคือ น.ส.อมราภรณ์ หรือต่าย โคตะวงษ์และนายพิชิต ชัยภูมิ สามีของน.ส.อมราภรณ์ จึงขอศาลอาญาออกหมายจับ ก่อนนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บ้านพักในจ.หนองคาย และปิดล้อมตรวจค้นจับกุมบุคคลตามหมายจับ จำนวน 20 เป้าหมาย แบ่งเป็น ภาคเหนือ 1 จุด ภาคอีสาน 12 จุด ภาคกลาง 4 จุด และภาคใต้ 3 จุด ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้อีก 3 ราย และตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 18 ล้านบาท เบื้องต้น แจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้ง 11 คน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ บก.ปส.1 ทำการจับกุม นายคำภี หรือโจ คำพิทักษ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ที่ 7 ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร นายธีรศักดิ์ หรือจุ๋ง นาคาวงศ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 271 ม.6 ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นายธนาดล หรือป๊อบ เจียมจัตุรัส อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ซ.ลาดพร้าว 1 แขวงจอมพล จตุจักร กทม. พร้อมของกลาง ไอซ์ น้ำหนัก 2 กิโลกรัม รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง สามารถจับกุมได้บริเวณริมถนนหน้าอพาร์ทเม้นท์ฮาโมนี่ ซอยลาดพร้าว 12 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติด จึงได้วางแผนล่อซื้อ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามคนได้ขณะกำลังนำไอซ์มาส่งให้สายลับจำนวน 2 กิโลกรัม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ดำเนินคดีและขยายผล พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ บช.ปส.ได้สืบทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายปากซัน นำไอซ์จำนวนมากเข้ามาทางประเทศพม่า ผ่านเมืองปากซัน ประเทศลาว แล้วข้ามแม่น้ำโขงมายัง จ.บึงกาฬ ประเทศไทย และลงภาคใต้ไปสู่ประเทศที่ 3 จึงจัดกำลังเฝ้าติดตาม จนสามารรถจับกุมยาเสพติดประเภทไอซ์ได้จำนวนมากที่สุดในรอบปีนี้ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อว่ามีเครือข่าย หรือใครอยู่เบื้องหลัง ขณะที่ พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นางวันทา หรือยายชา โคตะวงษ์ ซึ่งเป็นคนในระดับสั่งการ เคยเป็นผู้ลักลอบขายกัญชา และไม้พะยูงรายใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงมีฉายาว่ายายชา แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาลักลอบขายยาเสพติดประเภทไอซ์ เนื่องจากได้ค่าจ้างสูงกว่า หากนางวันทาสามารถส่งยาเสพติดไปขายทางภาคใต้และส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียหรือออสเตรเลียได้สำเร็จ จะได้ค่าตอบแทนกว่า 1 ล้านบาทต่อครั้ง จากการสอบสวนนางวันทาให้การยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่าปีนี้ลักลอบขายไอซ์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง และถ้าสามารถลักลอบขนไอซ์ครั้งนี้ได้สำเร็จ จะนำเงินจากการขายไอซ์ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จ.สกลนคร แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ก่อน.