เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 60 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้มาสอบถามกับ ดีเอสไอ เพื่อเรียกร้องให้ดีเอสไอคืนทรัพย์สินที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้ ชนะคดีแพ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 มูลค่าทรัพย์สิน 3,811ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ทรัพย์สินทั้งหมดยังอยู่ในการอายัดของดีเอสไอ ทั้งนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ ลงมารับหนังสือร้องเรียน และเชิญตัวแทนของผู้มาร้องเรียนไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อรับฟังชี้ในประเด็นดังกล่าวภายในอาอาคารดีเอสไอ 11 คน ตัวแทนรายหนึ่งระบุว่า ตอนนี้มีสมาชิกเจ้าหนี้ ได้แสดงเจตจำนงค์โดยการมอบเอกสารลายเซ็นเพื่อเรียกร้องขอรับทรัพย์สินคืนจากดีเอสไอ จึงขอให้ดีเอสไอได้รีบคืนทรัพย์สินดังกล่าว เพื่อให้สหกรณ์ฯนำกลับมาบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่สมาชิกจำนวนเกือบ 20,000 คน เนืื่องจากตอนนี้หลายคนไม่มีจะกินไม่มีเงินใช้ ตอนนี้เวลาผ่ายไป 1,580 วัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานล่าช้าไม่มีประสิทธิภาพ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า เบื้องต้นระบุว่าต้องขอดูข้อเท็จจริงเรื่องนี้และต้องดูข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการหารือร่วมกัน โดยมีตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ฯ 10 คน ร่วมประชุมหารือกับดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ กล่าวภายหลังการหารือกับแทนสหกรณ์ฯว่า ในเบื้องต้นได้ข้อสรุป ว่าในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ดีเอสไอจะมีการประชุมหารือกันระหว่างพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ เพื่อตรวจทรัพย์สินที่ดีเอสไอยึดอายัดไว้จำนวนกว่า 300 รายการ มูลค่า 3,811 ล้านบาท ว่าทรัพย์สินส่วนใดเกี่ยวข้องกับคดีการฟอกเงิน ก่อนจะส่งเรื่องให้ ปปง.ดำเนินการทางกฎหมายซึ่งจะทำให้ได้ทรัพย์สินคืนได้เร็วขึ้น แล้วทาง ปปง.ก็จะดำเนินการนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาดแล้วนำเงินคืนให้กับทางสหกรณ์ฯต่อไป และส่วนไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ทางดีเอสไอก็จะดำเนินการถอดอายัด เพื่อส่งให้กับทางสหกรณ์ “คดีนี้พิจารณาจากเงินเป็นตัวตั้งว่าทรัพย์สินใดที่เป็นการเอาเงินจากสหกรณ์ฯ ไปฟอกเงินซื้อทรัพย์สิน ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็นำคืนให้กับสหกรณ์ฯเป็นไปตามขั้นตอนปกติ อย่างไรก็ตามปกติคดีนี้ถ้าเป็นคดีความทางอาญาต้องมีการยึดอายัดทรัพย์สินจนกว่าคดีความจะถึงที่สุดในชั้นศาลจึงจะคืนทรัพย์สินได้ แต่กรณีนี้เรานำกฎหมาย พ.ร.บ.การฟอกเงินมาใช้จึงทำให้ดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น” พ.ต.ต.วรณัน กล่าว