‘พีทีจี เอ็นเนอยี’ ค่าการตลาดฟื้น และมีทิศทางดีขึ้น กำไร Q2/60 เด้งขึ้น 45.3% QOQ เดินหน้าขยายธุรกิจ non-oil ครบวงจร อัพมาร์จิ้น ลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันอย่างเดียว นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 45.3% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 182 ล้านบาท และมีรายได้รวม 21,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 561 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้อยู่ที่ 20,896 ล้านบาท โดยการเติบโตของทั้งกำไร และรายได้เกิดจากปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 881 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตของปริมาณการใช้น้ำมันภายในประเทศ รวมถึงบริษัทฯได้พัฒนาการบริหารจัดการระบบขนส่ง และ Supply chain ให้ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารต้นทุนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ค่าการตลาดในไตรมาสนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว เป็นผลจากการปรับราคาขายปลีกที่สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น และค่าการตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้มีทิศทางในการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยในปีนี้บริษัทฯยังคงเป้าปริมาณการขายน้ำมันให้เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน จากการขยายสถานีบริการในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น และจากปริมาณการขายต่อสถานีต่อเดือนที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯยังคงเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนสถานีบริการในปีนี้ให้ได้อยู่ที่ 1,800 สถานี ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากในปัจจุบันที่มีสถานีบริการ 1,506 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นผ่านโปรแกรมบัตรสมาชิก PT Max Card ที่วางเป้าหมายไว้ ที่ 7.4 ล้านสมาชิก ณ สิ้นปี 2560 และที่สำคัญปริษัทฯมีแผนในการขยายธุรกิจ non-oil มากขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยธุรกิจ non-oilในสถานีบริการที่จะเริ่มเห็นชัดมากขึ้นในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย และธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถบรรทุก และรถยนต์ส่วนบุคคลที่ประกอบกิจการบนสถานีบริการเป็นหลัก ทำให้สามารถขยาย non-oil ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่การขยายธุรกิจ non-oil นอกสถานีบริการนั้น ล่าสุดบริษัทฯได้เข้าลงทุนในบริษัท จีเอฟเอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายทางการค้าต่างๆเช่น Coffee World และ Cream & Fudge เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการรองรับฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มคนเมือง เป็นการต่อยอดการขยายพันธมิตรทางธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มนอกสถานีบริการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดโอกาสในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ “เราประเมินว่าสถานการณ์ของค่าการตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากค่าการตลาดในไตรมาสนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว เป็นผลจากการปรับราคาขายปลีกที่สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น รวมถึงเรามุ่งสู่การเป็นผู้นำทางด้านบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจรของประเทศด้วยการการขยายเครือข่ายของธุรกิจที่เป็นทั้ง oil และ non-oil ซึ่งเรายังคงเพิ่มพันธมิตรที่เข้ามาสนับสนุนเครือข่ายของธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากการมีธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว” นายพิทักษ์กล่าว