จากกรณีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ กิตติ โลกีย์ ได้ทำการเผยแพร่ภาพขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเผาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนกว่า 4,000 รายการ ทิ้ง เพื่อให้สร้างภาพลักษณ์บริเวณจังหวัดชายแดนปลอดสินค้าผิดกฎหมาย ทั้งนี้ได้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นว่า การเผาสินค้าดังกล่าวเป็นการสิ้นเปลืองและไม่ต่อยอดการทำให้มีค่า เนื่องจากมันสามารถนำไปบริจาคให้กับคนยากไร้ และเด็กด้อยโอกาส ไม่มีเครื่องแต่งกายได้ จะมีประโยชน์กว่าการนำมาเผาทิ้งหรือไม่ ทั้งนี้ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า “แปลกนะ ทำไมคนโง่ สมอง..ปัญญา.....มีวาสนาดี ได้เป็นใหญ่เป็นโตสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าหนีภาษี จับแล้ว ปรับแล้วของเหลือเอาไปเผา ทั้งๆที่มันมีประโยชน์มากมายชาวเขา ชาวดอย เด็กผู้ยากไร้ รองเท้า เสื้อผ้าไม่มีทำไมไม่เอาไปให้พวกเขา มันได้ประโยชน์มหาศาลคนยากไร้เต็มบ้านเต็มเมือง เด็กด้อยโอกาสตั้งมากมายรองเท้า ชุดกีฬา ก็ให้เขาไปเถอะทีรถหรู มอไซค์ ทำไมพวก..ไม่เผากันบ้างเอาประมูลขายทอดตลาดสบายใจ” จากกรณีดังกล่าวทีมไขประเด็นได้ติดต่อไปยังแหล่งข่าวที่กรมศุลกากรเพื่อนำข้อมูลมาไขข้อข้องใจให้ชาวโซเชียลได้กระจ่างดังต่อไปนี้ “สาเหตุที่ต้องทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่สามารถนำไปบริจาคได้ เพราะมันเป็นของผิดกฎหมาย หากนำไปบริจาค เราไมี่ทางรู้เลยว่ามันจะไม่กลับเข้ามาในระบบการค้าขายอีก อีกทั้งมีตัวแทนเรื่องของสิทธิในสินค้าแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทำกันระหว่างรัฐ และตัวแทน ให้ทำลายทิ้งเท่านั้น ซึ่งต่างกับกรณีประมูลรถ เนื่องจากรถอาจเกิดจากการนำเข้าไม่ถูกต้อง รถยนต์นั้น ไม่ใช่สินค้าผิดกฎหมายในตัวเอง เมื่อเสร็จสิ้นขบวนการทางกฏหมายแล้ว จึงสามารถนำรถมาประมูล เพื่อนำรายได้จากการประมูลนั้น เป็นรายได้ของรัฐต่อไป อดีตที่ผ่านมาเคยมีการบริจาคแล้ว แต่รัฐก็โดนโจมตีเช่นกัน จึงอยากจะให้มองอีกมุม และอยากให้ประชาชนเข้าใจในตัวบทกฎหมายด้วย เราจึงต้องทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อยกระดับประเทศไทย ให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ที่มีการค้าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในระดับต่ำ หรือไม่มีเลย ส่วนสินค้าอื่นที่เป็นของลิขสิขสิทธิ์ ก็ใช้วิธีประมูลเช่นเดียวกัน เนื่องจากผิดในเรื่องการนำเข้า แต่ตัวสินค้าไม่ได้ผิดกฎหมาย ในขณะที่สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายในตัวเอง จึงไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ นอกจากเผาทำลาย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วหากจะวิจารณ์อะไรคงต้องดูว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำก็เพื่อเป็นมาตรฐานที่กำหนดไว้แต่การนำไปแจกแก่ผู้ยากไร้ก็เท่ากับว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องถือว่าเป็นการสนับสนุนสินค้าละเมิดลิขสิทธ์ทางอ้อม