เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งทรงสืบสานแนวพระราชดำริด้านการเกษตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในอันที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ดีมีสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้งาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” ขึ้นระหว่าง 16-20 สิงหาคม 60 นี้ย่านกลางกรุง สวนลุมพินี พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯได้สนองรับแนวพระราชดำริในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตร และสร้างรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้น โดยมีนโยบายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานขับเคลื่อนแบบบูรณาการทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม ให้กับเกษตรกรผ่านหน่วยงานต่างๆ ในลักษณะประชารัฐ เพื่อให้เกษตรกรเป็น Smart Farmer, Young Smart Farmer และรวมกลุ่มกันในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ นำไปสู่การผลิตร่วมกันแบบแปลงใหญ่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชให้สามารถลดต้นทุนการผลิตพร้อมกับเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น ภายใต้แนวทางการพัฒนาการเกษตรเพื่อเข้าสู่ประเทศไทย 4.0 นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ด้าน นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยได้พัฒนาก้าวล้ำไปมาก งาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” ในครั้งนี้ ถือเป็นการนำวิถีเกษตรสมัยใหม่มาเผยแพร่ให้แก่ประชาชนในสังคมเมือง ได้รับทราบและนำไปทดลอง ประยุกต์ใช้ในชีวิต อาทิ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารา สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications หรือ GI) อาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อยา Bio-medicine อาหารใหม่ Novel Food,Organic Food รวมทั้งของดีทุกภูมิภาคล้วนเป็นสินค้าและนวัตกรรมดีเด่นในรอบปีของภาคเกษตรไทยที่เฟ้นมาให้คนเมืองได้สัมผัส จามจุรี กันคำ เช่น นวัตกรรมสเปรย์ดับกลิ่นจากมูลไส้เดือน จามจุรี กันคำ เด็กสาวจากเชียงใหม่ที่มีดีกรีถึงวิศวกรด้านอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ เป็นอีกคนหนึ่งที่ผันตัวเองจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็นเกษตรกรุ่นใหม่ (Yong Smart Farmer) อยู่เมืองหนองคาย เพื่อเข้าโครงการสร้างพัฒนาเกษตรกรุ่นใหม่ของ ส.ป.ก. โดยร่วมตัวกับเพื่อนๆ ปลูกผักอินทรีย์และร่วมกันทำตลาดจำหน่าย จากนั้นก็จุดประกายความคิดอยากต่อยอดในการผลิตปุ๋ยใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต จากการค้นหาวิธีผลิตปุ๋ยไส้เดือนจากอินเทอเน็ต จนเกิดความเชี่ยวชาญพัฒนาจนสามารถผลิตจำหน่ายภายใต้ชื่อ “อีคิวฟาร์ม จำกัด” นอกจากเลี้ยงทำปุ๋ยแล้วยังได้เลี้ยงไส้เดือนเพื่อการค้า ไส้เดือนที่เลี้ยงเป็นไส้เดือนสายพันธุ์ African night crawler ที่สามารถผลิตมูลไส้เดือนเร็วกว่าสายพันธุ์พื้นบ้านถึง 6 เท่า ขยายพันธุ์ได้เร็วกว่าอีกด้วย ไม่หยุดเพียงแค่นั้น จามจุรียัง เกิดไอเดียต่อยอดมูลไส้เดือน โดยสร้างนวัตกรรมจาการเลี้ยงไส้เดือนดิน ได้ค้นพบสารกำจัดกลิ่น ซึ่งเกิดจากการสร้างของจุลินทรีย์ที่ใช้อากาศที่อยู่ภายในใจตัวของไส้เดือน ผ่านการเลี้ยงไส้เดือนดินด้วยวิธีพิเศษและใช้นวัตกรรมการหมักสกัดและกรอง ผ่านความร้อนเพื่อทำการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ ให้คงเหลือแต่สารดับกลิ่น นวัตกรรมสเปรย์ไส้เดือนดินอจึงถือเป็นนวัตกรรมครั้งแรกของเกษตรกรไทยที่ไม่ได้หยุดแค่ผลิตปุ๋ยไส้เดือน แต่สามารถนำปุ๋ย ดิน และน้ำมาประยุกต์เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์ได้ ปัจจุบัน “สเปรย์ดับกลิ่นจากมูลไส้เดือน” ได้ผ่านการตรวจสอบของสาธารณสุข และกำลังขอจดทรัพย์สินทางปัญญากับกระทรวงพาณิชย์อีกด้วย วรเชษฐ์ วังพลากร นอกจากนี้ ยังมี “อโวคาโด” ผลไม้มหัศจรรย์จาก “แปลงใหญ่” สู่...ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อสุขภาพผิว โดย วรเชษฐ์ วังพลากร แห่ง “สวนวังพลากร” อ.พบพระ จ.ตาก นับเป็นเกษตรกรต้นแบบอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่แค่เป็นชาวสวน (แปลงใหญ่) เท่านั้น ยังเป็นเกษตรกรหัวก้าวหน้าคนหนึ่ง ได้คิดค้น วิจัยไม้ผล อโวคาโด เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อสุขภาพผิวเพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า แม้ปกติการจำหน่ายผลสดก็ขายได้ราคาดีกว่าผลิตไม้ชนิดอื่นอยู่แล้ว เนื่องจาก อโวคาโด มีสรรพคุณล้ำค่าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูงทำให้มีความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้บริโภคคนไทย วรเชษฐ์ ได้นำผล อะโวคาโด สายพันธุ์ต่างๆ อาทิ พันธุ์แฮส พันธุ์บัคคาเนีย พันธุ์ปีเตอร์สัน นำไปแปรรูปเป็น สบู่ก้อน สบู่เหลว ครีมนวดผม ภายใต้แบรนด์ Merty (เมอตี้) โดยการนำสรรพคุณมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อาทิ อุดมไปด้วยวิตามิน วิตามินอี บำรุงผิวพรรณ สารต้านอนุมูลอิสระ มาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ของตนเอง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อสุขภาพผิวและผม 100% โดยผลิตภัณฑ์ทุกชนิดได้ผ่านการทดสอบห้องปฏิบัติการกลาง (เซ็นทรัลแลป) และแม่โจ้ มาอย่างเรียบร้อย ปัจจุบัน อาโวคาโด “สวนวังพลากร” ได้ชื่อว่า เป็นสวนอโวคาโด ที่มีสายพันธุ์แฮส (Hass) มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ และยังมีลูกสวนที่อยู่ในเครือของสวนวังพลากรอีกจำนวนมาก ปลูกบนพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 780 เมตร มีการดูแลรักษาเอาใจใส่ทุกขั้นตอน อาโวคาโด จึงมีคุณภาพที่ดี ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผิตออกมาจากสวนวังพลากรในแบรนด์ Merty (เมอตี้) จึงรับประกันได้ว่าใช้วัตถุดิบได้เต็มอันตรา และคัดสรร คุณภาพมาใช้เท่านั้น ทุกผลิตภัณฑ์ไม่มีสารกันเสีย ไม่ใส่สี เน้นธรรมชาติเพื่อสุขภาพผิว ทั้งหมดถือเป็นฝีมือและมันสมองของเกษตรกรไทยล้วนๆ ซึ่งวันนี้บอกได้คำเดียวว่าพัฒนาไปไกลกว่าที่คิด นับเป็นอีกหนึ่งแห่งความภาคใจของกระทรวงเกษตรฯในการเฟ้นสุดยอดนวัตกรรมทางการเกษตรดีเด่นแห่งปีผลงานอวดโฉมให้คนเมืองได้สัมผัส ในงาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” เพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10 ระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2560 นี้ ณ สวนลุมพินี กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-20.00 น. เป็นต้นไป