เมื่อกล่าวถึงร้านทุกอย่าง20บาท น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเพราะในร้านเหล่านี้มีสินค้ามากมายให้เลือกมากมายเรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่ต้องการในราคาที่ไม่แพง และไม่นานมานี้ก็มีข่าวในโซเชียลและมีการพาดหัวข่าวในทำนองว่า “ เตือนร้าน 20 บาททุกอย่าง ไม่หยุดขายโดนทั้งจำทั้งปรับแน่” จนมีกระแสวิจารณ์จากผู้ค้าบางรายว่า “ได้รับความเดือดร้อนมากเกี่ยวกับกรณีนี้ เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่นให้ผู้ค้าเลย ส่วนการขายของ 20 บาทนั้น ก็ยอมรับว่า เป็นทางเลือกสำหรับผู้มีรายได้น้อย ถึงอย่างไรคุณภาพก็สู้สินค้าที่ราคาสูงไม่ได้อยู่แล้ว การที่จะไม่ให้ขายของ 20 บาท ก็เท่ากับว่าตัดทางเลือกของผู้ซื้อรายได้น้อยไปด้วย” ด้านของผู้ใช้รายหนึ่งเปิดเผยว่า “ชอบร้านแบบนี้มากมีของให้เลือกซื้อมากมายแต่เวลาจะซื้อนั้นก็พิจารณาอย่างดีก่อนซื้อ อย่างปลั๊กไฟก็เคยซื้อในราคา 20 บาท ก็ไม่มีปัญหาอะไร” ขณะที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งให้ความคิดเห็นว่า"อ่านเนื้อข่าวก่อนน่ะอย่าดีแต่ด่าพาดหัวข่าวแบบนี้เสี้ยมให้คนด่ากันไม่มีจรรยาบรรของนักข่าวเลย" จากกรณีนี้ทีมไขประเด็นจึงได้นำข้อมูลมาไขข้อข้องใจจาก เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้ชาวโซเชียลได้กระจ่างและเข้าใจว่าเหตุที่ห้ามขายของ 20 บาทบางรายการที่ได้มาตรฐานนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร นายพิสิฐ รังสฤษฏ์วุฒิกุล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า “ได้เรียกผู้ประกอบการร้านจำหน่ายสินค้าทุกอย่าง 20 บาท ที่เช่าพื้นที่ขายตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าย่อยตามเขตชุมชนเข้าร่วมหารือถึงแนวทางการจำหน่ายสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม (มอก.) เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากว่า ซื้อสินค้าภายในร้านบางรายการนำไปใช้ได้ไม่นานแล้วเกิดความเสียหาย ทางสมอ.ได้มีมาตรฐานต่างๆ ในการทดสอบจนแน่ใจว่า จะไม่เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้บริโภค เช่น สายไฟ ก็จะทดสอบถึงความทนความร้อน พลาสติกหุ้มสายไฟ ไม่ขาดหลุดง่าย หรือสีเทียน สีชอล์ก เด็กๆ ใช้กันมาก ควรมีการทดสอบสารในการผสมสีต้องไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก จึงอยากให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าประเภทมอก. ภาคบังคับ ให้เป็นไปตามระเบียบ ต่อไปหากพบว่าร้านค้ายังไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท หรือจำคุก 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ” นับจากนี้ไปคงมีความชัดเจนว่าสินค้าประเภทไหนควรขายและประเภทไหนห้ามขาย และเมื่อทราบถึงอันตรายจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานแล้วว่าบางรายการนั้นเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อไปการจะเลือกซื้อสินค้าก็ควรพิจารณาว่าสินค้าเหล่านั้นเป็นไปตามมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม (มอก.) หรือไม่ เพื่อจะไม่เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้บริโภคนั่นเอง