ชาวตรัง “อึ้ง” มือมืดนำป้ายไวนิลปริศนา “ปลัดอำเภอ จอมรีดไถ” แขวนประจานหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองตรัง ปลดออกพรึบตา ขณะที่นายอำเภอเมืองตรวจสอบกล้องวงจรควานหามือมืด ด้านผลการสอบปลัดวันนี้ทราบผล รายงานข่าวจากจังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ว่า ขณะนี้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ้ครายหนึ่งได้โพสต์เฟสบุ้คส่วนตัว เผยแพร่ทางสื่อโซเซียล เป็นป้ายภาพไวนิลขนาดประมาณ 1 x 3 เมตร ระบุความว่า “แด่ปลัดอำเภอ ผู้แสวงหาผลประโยชน์ จอมรีดไถ” โดยป้ายไวนิลดังกล่าวถูกผูกไว้ที่ริมรั้วทางทิศเหนือของหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองตรัง ทำให้ประชาชนที่เห็นไวนิล ต่างพาสงสัยกันว่าปลัดอำเภอที่ระบุในไวนิล หมายถึงใคร และใครเป็นคนนำมาติด ต่อมาป้ายไวนิลดังกล่าวได้ถูกปลดออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน คาดว่าจะถูกปลดออกไปหลังจากติดตั้งไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการนำป้ายไวนิลปริศนามาติดประจานที่สร้างความเสื่อมเสียต่อทางอำเภอและจังหวัด เป็นอย่างมาก เกี่ยวกับป้ายไวนิลปริศาที่นำมาติดหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองตรัง นายนันธวัช เจริญวรรณ นายอำเภอเมืองตรัง กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องนี้ คาดว่าจะมีการติดตั้งไวนิลดังกล่าวในช่วงกลางคืน หรือไม่ก็ช่วงเช้าตรู่ ตรงบริเวณริมรั้วทิศเหนือของอำเภอเมืองตรัง หรือใกล้ๆหน้าศาลากลางหลังเก่า แต่ต่อมาทราบว่าป้ายไวนิลได้ถูกปลดออกไปแล้ว ไม่ทราบว่าใครเป็นคนปลด แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อำเภอ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในระหว่างตรวจสอบที่มาที่ไป ว่าเป็นใคร เจตนาหมายถึงใคร และมีจุดประสงค์เพื่ออะไร อยากให้ผู้ที่กระทำเข้ามาร้องเรียนพฤติกรรม และจะได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะประสานไปยังเทศบาลนครตรัง เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาตัวคนทำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามีความผิด รายงานข่าวแจ้งว่า โดยที่ก่อนหน้านี้ มีปลัดอำเภอเมืองตรังท่านหนึ่ง ถูกทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีคนร้ายไล่ยิงนักเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใจกลางเมืองตรัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม โดยที่ปลัดอำเภอท่านนั้นได้รับคำสั่งให้เข้าไปตรวจสอบ แต่ปรากว่าภายหลังออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะเป็นการค้ำประกันสถานบันเทิง ส่งผลให้กระทรวงมหาดไทยเกิดภาพลักษณ์ที่เสียหาย ต่อมานายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงปลัดอำเภอคนดังกล่าว โดยนายพงษ์ศักดิ์ คารวานนท์ ปลัดจังหวัดตรัง และนายนันธวัช เจริญวรรณ นายอำเภอเมืองตรัง เป็นประธานกรรมการสอบสวน ล่าสุด นายพงษ์ศักดิ์ คารวานนท์ ปลัดจังหวัดตรัง แถลงว่า ที่ออกมาให้ข่าวในลักษณะค้ำประกันสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองตรัง “ กรณีที่มีสื่อบางแห่งมีการเสนอข่าวว่าการ์ดในสถานที่บันเทิงแห่งนี้ทำร้ายนักเที่ยวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ เนื่องจากการยิงกันเป็นเรื่องส่วนตัวของนักเที่ยว” หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทภายในสถานบันเทิง และนำไปสู่การไล่ยิงบนถนนเพื่อถล่มรถของเพื่อนและน้องชายนายกอบต.นาพละ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 ที่ผ่าน ซึ่งภายหลังการให้ข่าวลักษณะดังกล่าวออกไปทำให้หลายคนแสดงความคิดเห็นว่าไม่เหมาะสม นายพงษ์ศักดิ์ แถลงอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่องทางคดีเป็นเรื่องของตำรวจ แต่ในส่วนของทางปกครองมีส่วนที่ต้องดำเนินการได้คือ หน้าที่ในการตรวจตราสถานบริการซึ่งยืนยันชัดเจนว่าปลัดอำเภอและนายอำเภอมีหน้าที่ในส่วนนี้แน่นอน ในส่วนของข่าวที่เกิดขึ้น กรณีที่ว่าการให้ข่าวสิ่งที่ปรากฏในข่าวพูดถึงความเหมาะสม มีคำถามว่าผิดหรือไม่ผิดซึ่งในส่วนของการให้ข่าวในขณะนั้นปลัดอำเภอที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์สอนมาแล้วแต่ยังมีประเด็นว่า 1. มีหน้าที่ในการให้ข่าวลักษณะเช่นนั้นหรือไม่ เพราะกรมการปกครองไม่ได้ปิดกั้นในเรื่องการให้ข่าวเป็นการส่วนตัว แต่ในวันนั้นยืนยันได้ว่าใช้ตำแหน่งในฐานะรับประกันในการให้ข่าว ซึ่งอาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะสมก็ต้องดูข้อเท็จจริง ข้อที่ 2 . เนื่องจากว่าผู้ให้ข่าวไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุแต่ไปยืนยันข้อเท็จจริงที่ตัวเองฟังมา ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นการเหมาะสมหรือไม่ ส่วนเรื่องคนร้ายจะการ์ดหรือไม่การ์ดนั้น ขอเรียนว่าหน้าที่ในการตรวจสอบอาวุธที่จะนำเข้าไปสถานบริการไม่ใช่หน้าที่ของปลัดอำเภอ หน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของผู้ได้รับใบอนุญาต แต่หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่สามารถตรวจเองได้ สามารถมอบให้พนักงานสถานบริการเป็นผู้ตรวจ เพราะฉะนั้นกรณีการตรวจการยืนยันควรเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการสถานเจ้าของสถานบริการมากกว่า “กระแสข่าวเรืองย้ายปลัดอำเภอ ยังไม่มีการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น จะทำอะไรต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วยข้อเท็จจริงและรอบคอบ ซึ่งถึงตอนนี้ ตอบไม่ได้ว่าการให้ข่าวในลักษณะดังกล่าวเสื่อมเสียหรือมีผลกระทบต่อส่วนใดหรือไม่ และถ้าหาก 18 สิงหาคมนี้ ผลการสอบสวนออกมาเป็นอย่างไรมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนแล้วจึงจะพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดวินัยหรือไม่ ถ้าไม่ผิดวินัยก็ว่ากล่าวตักเตือน ถ้าผิดวินัยก็ต้องดูว่าผิดวินัยส่วนไหน ส่วนเรื่องการย้ายต้องดูก่อนว่าในกรณีที่เกิดลักษณะแบบนี้ขึ้นมีเหตุผลมากน้อยขนาดไหนในการย้าย” นายพงษ์ศักดิ์ แถลงให้ทราบ นายพงษ์ศักดิ์ แถลงอีกว่า กรณีที่มองว่าถ้าปลัดอำเภอไม่ไปตรวจตรา จะถือว่าไม่ปฏิบัติจะโดนมาตรา 157 ขอเรียนว่าการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติมันไม่ได้โดนมาตรา 157 ทุกคน การปฏิบัติที่จะผิดมาตรา 157 คือปฏิบัติโดยมิชอบเพื่อให้คนอื่นเสียหายหรือว่าการปฏิบัติโดยไม่สุจริตในกรณีลักษณะเช่นนี้ ถามว่าปลัดอำเภอไม่ไปตรวจสถานบริการจะโดนมาตรา157 หรือไม่ก็ต้องดูว่าการไม่ไปตรวจ เป็นการกระทำโดยมิชอบหรือไม่และเพื่อให้ผู้อื่นเสียหายหรือไม่ 2. สุจริตหรือไม่สุจริต เพราะฉะนั้นการให้ข่าวในลักษณะนี้คงต้องใช้ความรอบคอบในการพิจารณา ซึ่งยืนยันว่าในส่วนของจังหวัดในฐานะรับผิดชอบการบริหารงานบุคคลกำลังดำเนินการตามขั้นตอนพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมด ก่อนนำไปสู่การพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร นายพงษ์ศักดิ์ แถลงในตอนท้ายว่า ตนยืนยันว่าในส่วนของสถานบริการถ้าเข้าเงื่อนไขในการปล่อยปละละเลยที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนและยาเสพติดจะต้องดำเนินการปิดทันที ไม่มีข้อยกเว้นซึ่งต้องดำเนินการตามพรบ .สถานบริการและประกาศคำสั่งของคสช. ในมาตรการนี้ด้วย แต่ที่มีอาวุธปืนด้านนอกสถานบริการให้เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ตนขอย้ำว่าโดยตัวของปลัดอำเภอมีหน้าที่ในการตรวจสอบ 2.นายอำเภอมอบหมายก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบ และ 3.ตามภารกิจมีคำสั่งมอบหมายในส่วนของศูนย์ดำรงธรรมซึ่งต้องดูแลในเรื่องนี้ ทั้ง 3 ส่วน ปลัดอำเภอมีหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย เช่นผู้ประกอบการให้มีการตรวจบัตรผู้เข้าไปเพื่อตรวจดูอายุหรือไม่ ,เปิดตามเวลาหรือไม่นี่ คือหน้าที่