นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลสณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการและสรุปผลการดำเนินงานโครงการ “วิกฤตโรคหัวใจ ปลอดภัยทั่วไทย (Save Thais from Heart Diseases)” โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการ แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป/โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลเอกชน เข้าร่วมการประชุมวิชาการและสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าว รวม 450 คน ที่สถาบันโรคทรวงอก จ.นนทบุรี นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลสณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ได้มีการดำเนินงานเครือข่ายบริการสุขภาพด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ครอบคลุมทุกเขตบริการสุขภาพทั้ง13เขต สำหรับโครงการ “วิกฤตโรคหัวใจ ปลอดภัยทั่วไทย” นี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่5 ซึ่งโครงการนี้เน้นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐานและมีผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยเครือข่ายบริการ ไร้รอยต่อ ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาละลายหรือสลายลิ่มเลือดหือการขยายหลอดเลือดหัวใจอย่างรวดเร็วมากขึ้น ทำให้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตลดลงเหลือน้อยกว่าร้อยละ10 นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ(Service Plan) สาขาโรคหัวใจเพื่อตอบสนองนโยบายในการลดอัตราการเสียชีวิตแลการเจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจ จึงเร่งรัดการพัฒนาเครือข่ายโรคหัวใจ มีการจัดทำโครงการ "วิกฤตโรคหัวใจ ปบอดภัยทั่วไทย (Save Thais from Heart Diseases)" มีโรงพยาบาล 430 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ ตั้งเป้าเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่เฉียบพลันรุนแรงหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะและเสียชีวิตได้ การป้องกันผลแทรกซ้อน เน้นการรักษาที่รวดเร็วโดยการให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นและลดอัตราการเสียชีวิต โครงการนี้มีส่วนในการกระตุ้นและติดตามการทำงานของเครือข่ายเพื่อตอบสนองนโยบาย Service Plan สาขาหัวใจของกระทรวงสาธารณสุข ผลการดำเนินงานตั้งแต่ตุลาคม 2559-สิงหาคม2560 จากโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ 430 แห่ง มีผู้ป่วยเข้ารับบริการจำนวน 15,087 ราย ผู้ป่วยได้รับการรักษาและมีการส่งต่ออย่างรวดเร็วในกรณีที่เกินศักยภาพของโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนขนาดกลางขึ้นไปสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โรงพยาบาลที่มีศูนย์หัวใจทำบอลลูนขยายเส้นเลือดหัวใจได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้อัตราการเสียชีวิตในโรงพยาบาลลดลงเหลือร้อยละ7.5 แพทย์หญิงวิพรรณ สังคหะพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอกได้ดำเนินโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดอบรมให้ความรู้ จัดทำคู่มือมาตรฐานการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอาทิเช่น การรักษาผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน การรักษาหัวใจล้มเหลว คู่มือการอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แผนภูมิการรักษาผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดเฉียบพลันรุนแรง เป็นต้น รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูลโรคหัวใจในภาพรวมของประเทศ (Thais ACS Registry) แลกเปลี่ยนเรียนรู้และรับฟังปัญหาอุปสรรคการดำเนินงาน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านโรคหัวใจ ที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ทำให้ประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานวิชาชีพอย่างเสมอภาค ถ่ายทอดองค์ความรู้ สร้างความร่วมมือทางวิชาการและบริการทางการแพทย์ ตรงตามวิสัยทัศและพันธกิจของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข