รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามขับเคลื่อนโครงการนาแปลงใหญ่ และการส่งเสริมผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ปี 2560-64 ตามนโยบายรัฐบาลที่จ.บุรีรัมย์ พร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรคของเกษตร เผยอยากให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านการผลิตและตลาด วันที่ 18 ส.ค.60 นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรและแผนปฏิบัติงานเกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินการนาแปลงใหญ่ประชารัฐ ที่อำเภอลำปลายมาศ ซึ่งมีการดำเนินงานระบบส่งเสริมนาแปลงใหญ่ประชารัฐ จำนวน 2 แปลง ได้แก่ ตำบลแสลงพัน และตำบลตลาดโพธิ์ เกษตรกร 208 ราย รวมพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ จากนั้น ได้เดินทางไปพบปะรับฟังปัญหาอุปสรรคการทำเกษตร พร้อมเยี่ยมชมแปลงนาอินทรีย์ ที่บ้านตะครอง ต.หนองเต็ง และบ้านจาน ต.ชุมแสง อ.กระสัง โดยมีกลุ่มเกษตรกรในตำบลหนองเต็ง และตำบลชุมแสง เข้าร่วมโครงการ 232 ราย พื้นที่ผลิตข้าวอินทรีย์กว่า 2,300 ไร่ สำหรับอำเภอกระสัง ก็ได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอและหน่วยงานภาคีในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันขับเคลื่อนงานนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการส่งเสริมการผลิตข้าวคุณภาพ ซึ่งมีเกษตรกรได้รับการรับรองมาตรฐานข้าวปลอดภัย (GAP) ถึง 15,154 ไร่ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการส่งเสริมผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ที่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2557 โดยได้รับงบสนับสนุนจากกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการมากกว่า 139ราย พื้นที่ดำเนินการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบข้าวอินทรีย์ 751 ไร่ ทั้งนี้ ยังได้ขยายผลโครงการส่งเสริมผลิตข้าวอินทรีย์ปี 2560 – 2564 มีเกษตรกรสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการมากถึง 24 กลุ่ม 356 ราย พื้นที่เข้าร่วมโครงการ 3,723 ไร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรสามารถปฏิบัติตามระบบมาตรฐานข้าวอินทรีย์ของโครงการได้อย่างถูกต้อง เข้มแข็ง นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ในครั้งนี้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนโครงการนาแปลงใหญ่ และการส่งเสริมผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ พร้อมรับฟังปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ และสุรินทร์ มีเกษตรกรสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งเป้าหมายก็อยากให้เกษตรกรรวมกลุ่มทำการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงหันมาทำการเกษตรแบบอินทรีย์ด้วย เชื่อว่าทั้งการทำนาแปลงใหญ่และเกษตรอินทรีย์ จะเกิดผลดีกับเกษตรกรทั้งด้านการผลิตและตลาดได้เป็นอย่างดี ส่วนปัญหาที่พบคือเรื่องแหล่งน้ำซึ่งก็จะได้นำเรื่องบรรจุในแผนเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป