เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส. ) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ปส. 4 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผู้บังคับการสกัดกั้นยาเสพติด แถลงข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ถึง 3 คดี คดีที่ 1 มีนายวรพงศ์ ฤชาจิรกิจ อายุ 64 ปี ที่อยู่ 91/235 ม.9 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) 3,896,000 เม็ด รถยนต์บรรทุกสี่ล้อ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาวทะเบียน 1ฒฬ 1134 กทม. จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่ด่านแม่พริก ถ.พหลโยธิน ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จ.ลำปาง ขณะลำเลียงยาเสพติด พล.ต.ต.ทนัย เปิดเผย เช้าวันที่ 18 สิงหาคมชุดจับกุมพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ลักลอบขนยาเสพติด ในพื้นที่ จ.เชียงราย ลงมายังจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่วันที่ 19 ส.ค.ทราบว่ารถต้องสงสัยจะผ่านไปทาง อ.ลี้ จ.ลำพูน พร้อมขนยาไปทางถนนพุทธมณฑล จ.นครปฐม ตำรวจจึงตั้งด่านที่ด่านแม่พริก จ.ลำปาง พบรถต้องสงสัยแต่เป็นรถกระบะทึบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เครื่องสแกน ก่อนตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนในห้องลับที่ดัดแปลงไว้ในกระบะ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการต่อไป คดีที่ 2 สามารถจับกุมนายนายภูวนัย แซ่เห้อ อายุ 21 ปี นายอนุชา แซ่ม้า อายุ 22 ปี นายวิโรจน์ แซ่เหื่อ อายุ 23 ปี ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางยาบ้า 100,000 เม็ด รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา จำนวน 1 คัน รถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเทา จำนวน 1 คัน โทรศัพท์ 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่ทางหลวงหมายเลขที่ 32 (สายเอเชียขาขึ้น) จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ลักลอบขนยาเสพติดผ่านพื้นที่จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นกลุ่มของนายภูวนัยแซ่เห้อ ใช้รถของกลาง 2 คัน ขับผ่านพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเฝ้าติดตามและสามารถจับกุมได้ในที่สุด เบื้องต้นข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะสอบสวนหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป คดีที่ 3 สามารถจับกุมนายธนาพัฒน์ หรือพัฒน์ คำทอง อายุ 39 ปี ที่อยู่ 52 ม.8 ต.ท่าตอน อ.แม่สาย จว.เชียงใหม่ นายแดง ธรรมชัย อายุ 36 ปี ที่อยู่ 75/ช ม.9 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ นายนิพนธ์ หรือต้น ดิยา อายุ 42 ปี ที่อยู่ 224/22 ม.4 ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( เฮโรอีน ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ลักษณะผงสีขาวอัดเป็นแท่ง รวมทั้งสิ้น 118 แท่ง น้ำหนักประมาณ 44.84 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผบ 9783 เชียงใหม่ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนท์ ทะเบียน ศฎ 8557 กทม. โทรศัพท์มือถือ รวม 5 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้บริเวณลานจอดรถร้านอาหารตาชั่งอีสาน-ใต้(สนามบิน) เลขที่ 2662 ม.4 ถ.สนามบิน ต.ควนลังอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2560 เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับว่ายาเสพติดของกลางดังกล่าว มีผู้สั่งการเป็นชาวเมียนมาร์ กลุ่มของตนเองทำหน้าที่ขนลำเลียงมาที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยจะมีผู้มารับเป็นชาวมาเลเซีย ซึ่งตนจะได้ค่าจ้างในการขนส่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป หาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยต่อว่า ปัจจุบันยาเสพติดจะถูกลำเลียงผ่านประเทศไทย ลงมาเลเซียมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ส่งต่อไปอินโดนีเซีย และ ออสเตรเลีย โดยเฉพาะยาไอซ์ที่พบว่าออกไปสู่ประเทศอินโดนีเซียแล้วกว่า 70 ตัน ทั้งนี้ยอมรับว่าการสกัดจับยาเสพติดยากขึ้น เนื่องจากเป็นการค้าระดับอุตสาหกรรม ยิ่งจับมากก็ยิ่งถูกส่งมาทดแทนจำนวนมาก จากเดิมที่ยาบ้ามียอดผลิตเพียง 500 ล้านเม็ดต่อปี ขณะนี้เพิ่มเป็น 5,000 ล้านเม็ด จึงต้องยกระดับการจับกุมจากภายในประเทศเป็นความร่วมมือจับกุมระหว่างประเทศแทน ยอมรับเครื่องมือพิเศษที่ใช้เฝ้าสังเกตจับกุมยังไม่เพียงพอต่อปริมาณยาที่ทะลักเข้าประเทศมหาศาล