ร้องกองปราบถูกบริษัทจำหน่ายปุ๋ยชื่อดังเบี้ยวคืนเงินประกันค่าเปิดแฟรนไชส์ หลังพบปุ๋ยไม่ได้มาตรฐานตามที่อวดอ้างสรรพคุณ เสียหายกว่า 15 ล้านบาท เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (22 ส.ค.) ที่กองปราบปรามปราม น.ส.เกศณี โยเมือง อายุ 43 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ตัวแทนรับมอบอำนาจจากกลุ่มสมาชิกตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรยี่ห้อหนึ่ง จำนวน 15 สาขา เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ. ธันว์ธวัช อนุรักษ์นิยม รอง สว.(สอบสวน ) กก.5 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับ ประธานบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยยี่ห้อหนึ่ง และพวก ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หลังถูกหลอกให้นำเงินวางค้ำประกันในการเปิดเเฟรนไชส์ นำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของบริษัทดังกล่าวไปจำหน่ายต่อให้กับลูกค้า แต่เมื่อถึงกำหนดที่จะต้องคืนเงินค้ำประกันบริษัทดังกล่าวกับไม่ยอมคืนเงินให้ตามที่ตกลงกันไว้ น.ส.เกศณี กล่าวว่า เมื่อปี 2557 พบบริษัทดังกล่าวลงประกาศโฆษณาผ่านทางสื่อทีวีดาวเทียมหลายช่อง ชักชวนให้เข้าร่วมเป็นตัวแทนเปิดเเฟรนไชส์จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตรของบริษัท ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งในแต่ละจังหวัดนั้นจะสามารถจัดตั้งศูนย์สาขาได้เพียงสาขาเดียว พร้อมทั้งแอบอ้างสรรพคุณสินค้าของตัวเองว่าเป็นสุดยอดอาหารเสริมของพืช ซึ่งเป็นสารสกัดอินทรีย์ ปลอดสารพิษ ช่วยให้พืชโตเร็ว ใช้ได้กับพืชทุกชนิด และผ่านการอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตรและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตนจึงให้ความสนใจและติดต่อไปยังบริษัทดังกล่าว เพื่อสมัครเป็นตัวแทนเปิดแฟรนไชส์ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยทางบริษัทจะให้ค่าตอบแทนคิดเป็นร้อยละ 10 จากยอดของสาขาที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ในแต่ละเดือน แต่มีข้อแม้อยู่ว่าตนจะต้องวางเงินประกันในการเปิดเเฟรนไชส์กับทางบริษัทจำนวนเงิน 1 ล้านบาท และจะได้รับเงินค่าประกันดังกล่าวกลับคืนหลังครบ 1 ปี ที่ทำสัญญากัน น.ส.เกศณี กล่าวต่อว่า จากนั้นตนจึงได้ตอบตกลงและทำสัญญาเปิดแฟรนไชส์กับบริษัทดังกล่าว กระทั่งเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2558 ทราบเรื่องว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่วิชาการเกษตร เข้าทำการตรวจสอบโรงงานผลิตปุ๋ยแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครปฐม พบปุ๋ยปลอมไม่ได้มาตรฐานเป็นจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของบริษัทดังกล่าว รวมอยู่ด้วย อีกทั้งช่วงที่เกิดเหตุนั้นทางบริษัทก็ได้โทรศัพท์มาบอกตนให้รีบทำการย้ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของบริษัทออกจากศูนย์ไปเก็บไว้ที่อื่น "หลังเกิดเหตุฉันและตัวแทนเเฟรนไชส์รายอื่นๆอีก 15 สาขาเริ่มไม่เชื่อมั่นในบริษัทดังกล่าวและต้องการที่จะยกเลิกสัญญาแฟรนไชส์และขอเงินประกันคืนสาขาละ 1 ล้านบาท รวม 15 สาขา คิดเป็นมูลค่ารวม 15 ล้านบาท แต่ทางบริษัทกลับบ่ายเบี่ยงที่จะคืนเงินให้ตามที่ตกลงกันไว้ จึงได้รวมตัวกันมาแจ้งความที่กองปราบปรามดังกล่าว"น.ส.เกศณี กล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมกับทำการสอบปากคำผู้เสียหายไว้เพื่อประกอบการพิจารณาร่วมกับหลักฐานอื่นๆ ก่อนจะนำเรื่องดังกล่าวส่งต่อไปยังผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป