"พีระศักดิ์" เชื่อ สถานการณ์ไม่รุนแรง หลัง "ยิ่งลักษณ์" เผ่นนอก ชี้ เรื่องปกติหลายฝ่ายเคลื่อนไหว เพราะ "ปู" มีคนรักคนชอบมาก ที่เทศบาลนครเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ในฐานะคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการจัดทำร่างสัญญาประชาคม ว่า หลังจากที่นำร่างสัญญาประชาคมเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านก็ได้มีความคิดเห็นเพิ่มเติม เมื่อได้ร่างประชาคมฉบับสมบูรณ์แล้วจะนำไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญ คือทำให้เกิดความปรองดอง เพราะปรองดองเป็นบ่อเกิดของความมั่นคงเศรษฐกิจ และสังคม ขณะเดียวกันถ้าปรองดองไม่ได้แม้จะมีการเลือกตั้ง ความขัดแย้งก็จะกลับเข้ามาใหม่ ดังนั้น ต้องทำให้ทุกภาคส่วนเข้าใจกันให้ได้ ไม่ว่าจะพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ภาคธรุกิจ ภาคประชาชน เมื่อถามว่ากรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะกระทบกับการปรองดองหรือสัญญาประชาคมหรือไม่ นายพีระศักดิ์ ชี้แจงว่า เป็นเรื่องของคดีและเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล หลังจากนี้ต้องรอดูผลกระทบว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนเพราะเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว ยังไม่รู้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมาอย่างไร ทั้งนี้ มองว่าหากหลายฝ่ายออกมาเคลื่อนไหว ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีคนรักคนชอบจำนวนมาก แต่ทุกอย่างก็ต้องเดินไปตามกฎหมาย และเชื่อว่าสถานการณ์จะปกติไม่มีเหตุรุนแรง นอกจากนี้ยังเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่จะต้องดูแลรักษาความสงบของประเทศ ขณะที่หน่วยงานอื่นๆของรัฐก็ต้องดูแลเรื่องความยุติธรรมด้วย ๐ ”พีระศักดิ์”แจงโรดแม๊ป ระบุยังไม่ชัดเลือกตั้งเมื่อใด ที่ห้องประชุมเทศบาลนครเกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี นายพีระศักดิ์ ยังได้ชี้แจงถึงการทำงานของแม่น้ำ 5 สาย ว่า กล่าวอีกว่า สนช. ก็เป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สาย ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด แต่คาดว่า เป็นปลายปี 2561 เพราะต้องทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) หรือกฏหมายลูกทั้ง 10 ฉบับให้เสร็จก่อน โดยขณะนี้สนช.ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ(ร่างพ.ร.ป.) หรือกฎหมายลูก โดยได้ผ่านร่างกม.ลูกไปแล้ว 3 ฉบับ คือร่างพ.ร.ปด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนอีก 2 ฉบับอยู่ในระหว่างการพิจารณาคือ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ส่วนร่างที่เหลือทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ก็จะทะยอยส่งมาให้สนช.พิจารณาจนครบ 10 ฉบับ อย่างไรก็ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งครบเมื่อไรจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 150 วันเลื่อนไม่ได้แล้ว ๐ ชาวสมุยร้องปัญหาขยะล้นเมือง ที่ห้องประชุมเทศบาลนครเกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 พร้อมสมาชิกสนช.อาทิ พล.ท.จเรศักดิ์ อานุภาพ ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม พล.ท.ชัยยุทธ พร้อมสุข ประธานคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชาญวิทย์ วสยางกูร รองประธานคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส เป็นต้น ผู้แทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่พบปะประชาชนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรคในด้านต่างๆทั้งส่วนราชการและจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ได้มีการจัดกลุ่มลงพื้นที่ในอ.เกาะสมุยเพื่อรับฟังปัญหา 3 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่ม 1 ลงพื้นที่รับฟังปัญหาขยะมูลฝอย กลุ่ม 2 ลงพื้นที่รับฟังปัญหาการขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรม และกลุ่มที่ 3 ลงพื้นที่พบตัวแทนกลุ่มสตรี ทั้งนี้จากการรับฟังปัญหาพบว่า ปัญหาขยะมูลฝอยถือเป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่พบปะประชาชนในจังวัดสุราษฏร์ธานีเป็นครั้งที่ 63 ตามโครงการสนช.พบประชาชน โดยสนช.จะลงพื้นทีให้ครบทั้ง 77 จังหวัด คาดว่า ในเดือน ก.พ.ปีหน้า จะครบทั่วประเทศ จังหวัดสุดท้าย คือ กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาได้รับฟังปัญหาของประชาชนแล้วก็จะมีคณะติดตามผลการแก้ไขปัญหา ซึ่งกล้ายืนยันได้ว่า สนช. สามารถเจ้าไปช่วยแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การแก้ปัญหาบางอย่างอาจติดขัดในข้อราชการ จนทำให้ล่าช้า โดยนายกรัฐมนตรี เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เข้ามาช่วย แต่ใช้ด้วยความระมัดระวัง สำหรับปัญหาการกำจัดขยะมูลฝอยบนเกาะสมุย จะให้ท้องถิ่นดูแลอย่างเดียวคงไม่ไหว ผู้ประกอบการ พ่อแม่พี่น้องประชาชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและกองทัพเรือต้องร่วมมือกันถึงสามารถยุติปัญหาดังกล่าวได้