เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 25 ก.ค.59 ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์หลังมีข่าวว่า พระเมธี(เจ้าคุณประสาร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กไม่พอใจการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและเรียกร้องพระสงฆ์ทั่วประเทศชุมนุมพิทักษ์ปกป้องคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา หลังดีเอสไอแถลงข่าวว่าพระครูปลัดสิทธิวัฒน์(หลวงพี่น้ำฝน)และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เข่าข่ายกระทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากร ม.27 ประกอบกับ ม.6 พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลพิจารณาเรียกเก็บอากรส่วนที่ขาดจากกรมศุลกากร พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าพระเมธีจะมีการปลุกระดมให้มีการชุมนุมแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างไรก็ตามตนก็ไม่เห็นด้วยให้มีการปลุกระดมให้มีการชุมนุมเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ หากใครหรือหน่วยงานใดเคลือบแคลงสงสัยการทำงานของพนักงานสอบสวนก็ให้เข้ามาตรวจสอบได้ ซึ่งที่ผ่านมาดีเอสไอก็ยินดีให้ตรวจสอบมาตลอด ไม่เห็นว่าจะมีเจตนาปกปิดการทำงาน แต่หากว่าพบเจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนทำงานไม่โปร่งใสก็ให้ฟ้องมาได้เลย ทุกคนมีสิทธิที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเองแล้วก็ใช้กระบวนการยุติธรรมในการตัดสิน ไม่ใช่ไปใช้วิธีการอื่น ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ปรึกษากฎหมายของวัดปากน้ำภาษีเจริญ ออกมาตั้งข้อสังเกตการณ์แถลงของดีเอสไอเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมองว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิ์หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าว่า ถ้าหากเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ใครก็สามารถฟ้องมาได้เลย ใช้กระบวนการยุติธรรมฟ้องมาได้เลยพนักงานสอบสวนเลย “นี่แหละถูกต้องแล้วใช้สิทธิ์ของตัวเองในกระบวนความยุติธรรม อย่ามาใช้อย่างอื่น ถ้าพนักงานสอบสวนผิดจริงอย่างที่กล่าวมา เขาก็ถูกลงโทษเอง ผมไม่ได้เข้าข้างลูกน้อง” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า “สิ่งเดียวที่ผมกลัวคือกลัวลูกน้องไปทำผิดกฎหมาย ผมไม่เคยกลัวม็อบ ไม่เคยกลัวกระบวนการนอกระบบ ถ้ากลัวผมจะมารับตำแหน่งรักษากฎหมายได้อย่างไร” ผู้สื่อข่าวถามว่า พระเมธียังมีความคิดเห็นว่าสมเด็จช่วงบริสุทธิ์ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ยังแค่ขั้นตอนของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนเห็นว่ามีความผิดและส่งฟ้องในความผิดนั้นๆ แต่กระบวนทั้งหมดแล้วจะสิ้นสุดกันที่ศาลยุติธรรม ใครที่มีความเกี่ยวข้องก็ไปแก้ต่างกันต่อไปหากเชื่อว่าไม่ผิด ตอนนี้ยังทราบไม่เลยว่าอัยการจะสั่งฟ้องให้ตามข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนส่งให้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ เปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 27 ก.ค. คณะกรรมการพนักงานสอบสวนพร้อมด้วยอัยการคดีพิเศษจะประชุมหารือร่วมกันในการกำหนดว่าจะฟ้องสมเด็จช่วงและหลวงพี่น้ำฝนในข้อหาอะไร ซึ่งความคิดเห็นต้องร่วมกัน