แม้ว่าทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ออกมาปรับลดเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศทั้งปี 2564 เหลือ 3.2 ล้านคน จากเดิมคาดไว้ 5 ล้านคน แต่ในเบื้องต้นตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ จะเป็นไปแบบมากกว่าหรือน้อยกว่าจำนวนดังกล่าว ขึ้นอยู่กับการกระจาย ฉีดวัคซีนของต่างประเทศ เพราะต่อให้ในประเทศฉีดจนหมดทุกคนแล้ว แต่ถ้าหากว่า ชาวต่างชาติยังฉีดกันไม่ครบ การเปิดให้เดินทางเข้ามาก็ยังคงต้องทำอย่างเข้มงวดอยู่ รวมถึงนโยบายการอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศของประเทศต้นทางด้วยเช่นกัน เสนอ ศบค.ปลดล็อกแอเรีย ควอรันทีน ในเรื่องนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้เสนอขอกันวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ไว้ก่อน 5 หมื่นโดส เพื่อนำมาฉีดให้กับภาคการท่องเที่ยวก่อน โดยเฉพาะผู้ประกอบการและแรงงานที่จะเข้าร่วมเป็นสถานที่กักกันเชื้อไวรัสของรัฐบาล (แอเรียควอรันทีน) เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2564 ขณะนี้แนวคิดการทำแอเรีย ควอรันทีนไม่ได้หยุดไปตามการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ยังขับเคลื่อนไปตามกระบวนการที่วางไว้ ซึ่งได้ผ่านการเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กแล้ว หลังจากนี้จะเข้า ศบค.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาต่อไป ล่าสุดทางนางจิราณี พูนนายม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโซล กล่าวว่า มี นักกอล์ฟ กลุ่มแรกจากประเทศเกาหลี เดินทางมาเล่นกอล์ฟ และท่องเที่ยวระยะยาวยังประเทศไทย จำนวน 41 คน เดินทางไปทำ Golf Quarantine ที่สนามกอล์ฟอาทิตยา ที่จังหวัดนครนายก จำนวน 14 วัน ก่อนจะเดินทางไปเล่นกอล์ฟต่อที่สนามกอล์ฟอาทิตยา จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะมีการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในช่วงระยะเวลา 2 เดือน สร้างรายได้รวมให้กับประเทศไทยประมาณ 13. 1 ล้านบาท คิดต่อหัวต่อวัน 5,571. 59 บาท และ ค่า Golf Quarantine จำนวนเงินประมาณ 69,000 บาท ต่อหัว ขณะที่ทางจังหวัดภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปจากหลายประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มไฮเอนด์กลุ่มแรก จำนวน 59 คน เดินทางจากสนามบินในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีกำหนดเข้ากักตัวและพักในลักษณะ Villa Quarantine ที่โรงแรมศรีพันวา อ.เมืองภูเก็ต ภายหลังจาก ศบค.มีมติเห็นชอบให้รับนักท่องเที่ยวต่างชาติในลักษณะกักกันและเข้าพักในสถานที่เอกเทศ ดำเนินการโดยองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งให้กักตัวเป็นเวลา 14 วัน ภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกเดินทางมากับเครื่องบินส่วนตัวหรือไพรเวทเจ็ท จำนวน 13 คน มาถึงและเข้ามายังตัวอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ จะมีการตรวจวัดอุณหภูมิเป็นเบื้องต้น ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเอกสารด้านการตรวจโรคที่กำหนดไว้ เสร็จแล้วจึงเข้าสู่กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นขึ้นรถตู้ซึ่งทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ เพื่อเดินทางไปยังอาคารเอ็กซ์เทอมินอล ซึ่งเป็นจุดติดตั้งห้องเก็บสิ่งส่งตรวจและปฏิบัติการชีวโมเลกุลระบบควบคุมความปลอดภัยแรงดันลบ และรถพระราชทาน เก็บตัวอย่างชีวนิรภัยหรือรถตรวจหาเชื้อ จำนวน 1 คัน เพื่อทำการสว็อปหาเชื้อ ก่อนจะเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก ส่วนกลุ่มที่ 2 จำนวนประมาณ 46 คน เดินทางมาถึงด้วยเครื่องบินเช่าลำ และเข้าสู่กระบวนการเช่นเดียวกับกลุ่มแรก ทั้งนี้ในส่วนของรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวนั้นจะมีกระจกกั้นระหว่างผู้โดยสารกับคนขับอย่างชัดเจน และบนรถยังมีเจลล้างมือไว้บริการอีกด้วย ขณะที่พนักงานที่มาให้บริการและอำนวยความสะดวก รวมถึงพนักงานขับรถให้กับนักท่องเที่ยวมีการใส่ชุดพีพีอี สวมถุงมือ หน้ากากอยามัยและหมวกคลุมผมด้วย ซึ่งเป็นไปตามมาตรการที่กำหนด โดยนักท่องเที่ยวกรุ๊ปนี้ เข้าพักในลักษณะ Organization Quarantine: OQ หรือ Area Quarantine : AQ ในรูปแบบ Villa Quarantine ซึ่งถือเป็นกรุ๊ปแรกที่เข้าพักในลักษณะดังกล่าว และทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข เปิดประเทศแบบมีมาตรการชัดเจน ซึ่ง นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทารา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง หรือประมาณไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยเริ่มจากนักท่องเที่ยวจากในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย จากนั้นนักท่องเที่ยวระยะไกลจากยุโรป อเมริกาจะเริ่มทยอยเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 โดยมีปัจจัยบวกเรื่องของวัคซีนที่เริ่มกระจายฉีดแล้วทั่วโลก ดังนั้นอยากเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วให้เข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่มีการกักตัวและเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนไทยในประเทศด้วยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติด้วย เพื่อสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจาก แนวโน้มความต้องการท่องเที่ยวยังมีอยู่ ซึ่งเชื่อว่า ถ้าการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวกลับมาได้ ถ้านักท่องเที่ยวมีความมั่นใจ ทั้งนี้เพราะว่าถ้ารัฐบาลเปิดประเทศช้าภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมจะยิ่งได้รับความเสียหายหนัก และจะทำให้ประเทศเสียโอกาสในด้านการแข่งขัน หากประเทศเพื่อนบ้านสามารถเปิดได้ก่อน อย่างมัลดีฟส์เปิดประเทศตั้งแต่กรกฎาคม 2563 โรงแรมเขาเริ่มทำรายได้ดีเกือบเท่า ๆ กับปี 2562