“ศรีวราห์” ตีวงแคบไล่ตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยพา “ยิ่งลักษณ์” หลบหนีเหลือเพียง 1 คัน แต่ไม่ขอเปิดเผย นำรถกระบะตราโล่สายตรวจ สน.ลาดพร้าว ถูกพาดพิงพาปูหนีตรวจสอบดีเอ็นเอ พร้อมเปิดกล้องวงจรปิดไม่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ตำรวจสากล 190 ประเทศรายงานยันไม่พบเงาอีตนายก วันที่ 1 ก.ย.60 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดการติดตามหาเบาะแสการหลบหนีออกนอกประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาตามหมายศาลจับศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังจากสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกกองบัญชาการตรวจสอบและให้รายงานผลทุก 5 วัน ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด วันที่ 23 ส.ค.ที่มีการกล่าวอ้างว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในซอยโยธินพัฒนา3 บ้านของ อดีตนายกยิ่งลักษณ์ มีรถวิ่งเข้าออก 26 คัน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีถรตราโล่ของตำรวจพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี ด้ำการตรวจสอบแล้ว เป็นรถสายตรวจรถยนต์ของ สน.ลาดพร้าว เป็นการออกตรวจตามวงรอบปกติในการป้องกันเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกล้องวงจรปิดภายในซอยบ้านของอดีตนายกฯมาเปิดให้สื่อมวลชนดู พบว่าเวลา 20.49 น.ของวันที่ 23 ส.ค.60 รถกระบะตราโล่ ทะเบียน ฆห 7334 กทม.ที่มี ร.ต.อ.วิรัตน์ เนื้อแก้ว รอง สว.ป. สน.ลาดพร้าว โดยมีพลขับคือ ด.ต.นพคุณ ศรีณรินทร์ ขับเข้าไปตรวจภายในซอยโดย ไปจอดที่จุดตรวจโดยไม่ได้ขับเข้าไปในบ้านแต่อย่างใด จากนั้น อีก 5 นาที ก็ขับออกไป ซึ่งมีกล้องวงจรปิดหลายตัวบันทึกได้ต่อเนื่อง พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยต่อว่า มีรถตราโล่เข้าไปตรวจสอบจริงแต่ไม่ได้มีการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีแต่อย่างใด วันนี้ได้ให้นำรถยนต์ตราโล่คันดังกล่าวมาตรวจ ให้กองพิสูจน์หลักฐานเก็บดีเอ็นเอ ถ้ามีดีเอ็นเอแปลกปลอม จะได้ตรวจสอบต่อว่ามีใครพา น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีหรือเปล่า โดยรถยนต์คันนี้มีตำรวจที่ใช้ด้วยกัน จำนวน 8 นาย ก็จะนำมาตรวจสอบเปรียบเทียบทั้งหมด นอกจากนั้นก็จะเปรียบเทียบของผู้ต้องหาที่คนเคยนั่งรถคันนี้ด้วย จะได้ยืนยันได้ว่าตำรวจไม่เกี่ยวข้องพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี อย่างที่บอกก่อนออกหมายจับใครพาไปไหนไม่มีความผิด แต่ถ้าช่วยเหลือให้ออกนอกประเทศมีความผิด ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากได้สั่งการให้ตำรวจทุก บช.ตรวจสอบการหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พบหลักฐานการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ รอง ผบ.ตร.ตอบว่ายังไม่พบหลักฐานการเดินทาง เส้นทางธรรมชาติทั่วประเทศ ตชด.รายงานมายังไม่พบ อินเตอร์โพลรายงานมากัมพูชาก็ยังไม่พบหลักฐาน ส่วนจะอยู่ในประเทศหรือเปล่าตอบไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหลักฐานทางราชการตอนนี้คือยังไม่ออก แต่จะหลบหนีทางธรรมชาติหรือไม่ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัด หรือถ้าพบว่าตัวอาศัยอยู่ประเทศใด ก็จะประสานเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ส่วนประเด็นที่สื่อนำเสนอข่าวมีรถวิ่งเข้าออกบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลายคัน ได้ตรวจสอบแล้ว แต่ขณะนี้มีรถต้องสังสัยอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 1 คัน แต่จะเป็นรถอะไรไม่สามารถตอบได้ ปรากฏภาพวันที่ 23 แต่เวลาตอบไม่ได้ อยู่ระหว่างการติดตาม เป็นรถที่ยังไม่ได้มีการปรากฏในภาพ บอกได้แค่นี้ ส่วน 14 คนที่ไปพบปะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ รร.เอสซีปาร์ค ได้เชิญมาให้ปากคำแล้วบางส่วน ไม่ต่ำกว่า 2 คน ให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ ที่แน่ๆทราบว่าไม่อยู่บ้าน แต่หลบหนีออกนอกประเทศหรือเปล่าตอบไม้ได้ ส่วนการโพสต์เฟชบุ๊กของอดีตนายกฯ ปอท.รายงานมาว่ามีการโพสต์จริง แต่ตรวจสอบสถานที่ไม่ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตำรวจทำงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วน พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผลโลทัย ก็ได้สอบปากคำไปแล้ว ถ้อยคำก็เป็นประโยชน์ คือพบเห็นครั้งสุดท้ายวันที่ 23 ส.ค.เวลา 14.00 น.ที่บ้าน หลังจากนั้นไม่มีใครพบ นอกจากนี้ตำรวจสากล 190 ประเทศ ได้รายงานมาแล้วยังไม่พบตัว น.ย.ยิ่งลักษณ์ แต่อย่างใด ส่วนที่กล่าวว่าไปที่ประเทศสิงค์โปร กัมพูชา เรื่องประเทศเพื่อนบ้านเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าไม่มีหลักฐานจะไปพูดไม่ได้ ยืนยันการทำงานยังไม่ตัน ทำงานไม่ถึงเดือนจะตันได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่นำโดย พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.สพฐ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่ พฐ.เข้าตรวจสอบดีเอ็นเอรถยนต์กระบะตราโล่สายตรวจของ สน.ลาดพร้าว ซึ่งนำมาให้ตรวจที่ลานจอดรถอาคาร 1 โดย ซึ่งมี ร.ต.อ.วิรัตน์ และ ด.ต.นพคุณ พลขับ มาด้วย พร้อมกันนั้น ร.ต.อ.วิรัตน์ รอง สวป.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า นัวนที่ 23 ส.ค.ช่วงกลางคืน ได้ออกตรวจสอบพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุตามวงรอบปกติ โดยมี ด.ต.นพคุณ เป็นคนขับรถ เวลาประมาณ 20.55 น.ได้เข้าไปตรวจสอบที่จุดตรวจภายในซอยโยธินพัฒนา 3 ที่มีบ้านพักของอดีตนายกฯ หลังตรวจเสร็จก็ขับออกไปตรวจพื้นที่อื่นตามปกติ ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ พล.ต.ต.ธวัชชัย ผบก.สพฐ.ตร. เปิดเผยว่า ในการตรวจสอบดีเอ็นเอบุคคลต้องสงสัยที่นั่งมาภายในรถ สามารถตรวจสอบได้ โดยตรวจสอบภายในห้องโดยสารให้ครอบคลุมทั้งหมด เพราะการที่คนนั่งต้องเสียดสีกับเบาะ หรือจับส่วนใดส่วนหนึ่งของรถก็สามารถตรวจสอบดีเอ็นเอได้ว่าใครเคยนั่งรถบ้าง